อารยธรรมโบราณ

  • 5500 BCE

    อารยธรรมอียิปต์

    อารยธรรมอียิปต์
    การตั้งถิ่นฐานในบริเวณลุ่มแม่น้ำไนล์, การพัฒนาในด้านการเกษตรและการสร้างชุมชน.
  • Period: 5500 BCE to 3100 BCE

    อารยธรรมอียิปต์

    การตั้งถิ่นฐานและการพัฒนา
    การตั้งถิ่นฐาน: มีการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำไนล์, โดยเฉพาะในภาคเหนือของอียิปต์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เนื่องจากการท่วมของแม่น้ำไนล์. ชุมชนแรกเริ่มในช่วงนี้มักเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีการใช้เครื่องมือจากหินและการทำงานด้วยมือ.
    การพัฒนาในด้านการเกษตร: การพัฒนาเทคนิคการเกษตร เช่น การปลูกข้าวบาร์เลย์และข้าวเจ้า, การใช้ระบบชลประทานเพื่อจัดการน้ำจากแม่น้ำไนล์ที่ท่วมถึง. การพัฒนาการเกษตรนี้ทำให้มีการเติบโตของประชากรและการพัฒนาชุมชน.
  • 4500 BCE

    อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

    อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
    การก่อตั้งอารยธรรมสุเมเรียนในเมโสโปเตเมีย (ระหว่างแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส) ซึ่งรวมถึงเมืองรัฐเช่น อูรุก (Uruk)
  • Period: 4500 BCE to 3000 BCE

    อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

    การก่อตั้งอารยธรรมสุเมเรียนในเมโสโปเตเมียเริ่มต้นประมาณปี 4500 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ในช่วงประมาณปี 3000 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). สุเมเรียนสร้างเมืองรัฐต่าง ๆ เช่น อูรุก (Uruk), อูร์ (Ur), และคิช (Kish) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในด้านวรรณกรรม การค้า และการปกครอง เมืองเหล่านี้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเขียนที่สำคัญ เช่น การเขียนแบบคูนิฟอร์ม (cuneiform) ที่มีอิทธิพลต่ออารยธรรมในพื้นที่ดังกล่าว
  • 3760 BCE

    อารยธรรมฮิบรู

    อารยธรรมฮิบรู
    การสร้างโลก - ตามตำนานของอายธรรมฮิบรู การสร้างโลกเริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 3760 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) ซึ่งถือเป็นปีที่ 1 ของอารยธรรมฮิบรู
  • Period: 3760 BCE to 3759 BCE

    อารยธรรมฮิบรู

    ตามปฏิทินฮิบรู, การสร้างโลกถือว่าเริ่มขึ้นในปี 3760 BCE ซึ่งหมายถึงปี 1 ของอายธรรมฮิบรู โดยปีแรกของปฏิทินฮิบรูนั้นเริ่มในเดือนทีเชรี (Tishrei) ซึ่งประมาณช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมในปฏิทินเกรกอเรียน ดังนั้น ปี 1 ของอายธรรมฮิบรูจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม 3760 BCE และสิ้นสุดในเดือนกันยายน-ตุลาคม 3759 BCE
  • 3500 BCE

    ศาสนาอารยธรรมเมโสโปเตเมีย

    ศาสนาอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
    ศาสนา
    ระบบเทพเจ้า: เมโสโปเตเมียมีระบบเทพเจ้าที่มีความซับซ้อน โดยเทพเจ้าแต่ละองค์มีบทบาทและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น: เอ็นลิล (Enlil): เทพเจ้าแห่งลมและพายุ
    เอ็นกิ (Enki): เทพเจ้าแห่งน้ำและความรู้
    อิสตาร์ (Ishtar): เทพเจ้าแห่งความรักและสงคราม
    มาร์ดุก (Marduk): เทพเจ้าแห่งเมืองบาบิโลน
  • 3500 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมเมโสโปเตเมีย

    สกุลเงินอารยธรรมเมโสโปเตเมีย
    สกุลเงิน: ใช้เงินแท่งที่ทำจากทองแดง เงิน และเงินสินค้าคงคลัง
    การค้า: การแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านบาร์เทอร์ เช่น ข้าว และผลิตภัณฑ์จากการเกษต
  • Period: 3500 BCE to 539 BCE

    ศาสนาอารยธรรมเมโสโปเตเมีย

    ศาสนาเมโสโปเตเมียเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณ 3,500 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อเริ่มมีการพัฒนาเมืองและการบันทึกทางการเขียน และยังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่องจนถึงการล่มสลายของอารยธรรมบาบิโลนในช่วงปลายศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล (539 ปีก่อนคริสตกาล) เทพเจ้าที่คุณกล่าวถึงมีบทบาทสำคัญในช่วงนี้เป็นเวลาหลายศตวรรษ.
  • Period: 3500 BCE to 2000 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมเมโสโปเตเมีย

    ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำไทกริสและยูเฟรตีส ปัจจุบันอยู่ในประเทศอิรัก
    สกุลเงิน
    เงินแท่ง: ใช้เงินแท่งที่ทำจากทองแดงและเงิน เพื่อการแลกเปลี่ยน โดยมีมาตรฐานน้ำหนักที่แน่นอน
    เงินสินค้าคงคลัง: บางครั้งใช้วัตถุดิบที่มีค่า เช่น ข้าว และสัตว์เลี้ยงเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
    ระบบการค้า
    บาร์เทอร์: ระบบการแลกเปลี่ยนสินค้ามักเป็นวิธีการค้า เช่น การแลกเปลี่ยนข้าวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เครื่องปั้นดินเผา หรือเครื่องมือเกษตร
    ตลาด: ตลาดท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางการค้า ซึ่งมีการแลกเปลี่ยนสินค้าจากผู้ผลิตและพ่อค้า
  • 3100 BCE

    อารยธรรมอียิปต์ ( สมัยอียิปต์โบราณ )

    อารยธรรมอียิปต์ ( สมัยอียิปต์โบราณ )
    1 ) การรวมชาติภายใต้ฟาโรห์เมเนส (ประมาณ 3100 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
    2 ) การสร้างพีระมิด (ประมาณ 2580–2560 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
  • 3100 BCE

    ศาสนาอารยธรรมอียิปต์

    ศาสนาอารยธรรมอียิปต์
    ศาสนาอารยธรรมอียิปต์โบราณมีลักษณะเป็นระบบศาสนาและความเชื่อที่ซับซ้อน ซึ่งมีผลกระทบต่อวัฒนธรรมและสังคมของอียิปต์ในหลายด้านศาสนาอียิปต์โบราณมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารยธรรมและวัฒนธรรมของอียิปต์ และมีการบันทึกข้อมูลเหล่านี้ผ่านการประดิษฐ์และการเขียนที่ซับซ้อนซึ่งยังคงเป็นที่ศึกษาและเข้าใจจนถึงปัจจุบัน
  • 3100 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมอียิปต์โบราณ

    สกุลเงินอารยธรรมอียิปต์โบราณ
    สกุลเงิน: เงินตราที่ทำจากทองแดงและเหรียญเงินเริ่มมีในช่วงปลาย
    การค้า: ใช้บาร์เทอร์เป็นหลัก โดยสินค้าเช่น ข้าวและวัสดุก่อสร้างถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
  • Period: 3100 BCE to 2560 BCE

    อารยธรรมอียิปต์ ( สมัยอียิปต์โบราณ )

    1 ) การรวมชาติภายใต้ฟาโรห์เมเนส
    ฟาโรห์เมเนส (หรือเนเมส) รวมอียิปต์ล่างและอียิปต์บนเข้าด้วยกันเป็นอาณาจักรเดียว ซึ่งเริ่มต้นยุคของอียิปต์โบราณที่มีการจัดการรวมศูนย์และการปกครองที่เป็นระเบียบ
    2 ) การสร้างพีระมิด
    การสร้างพีระมิดใหญ่ที่สุดในกิซ่าเริ่มต้นในช่วงของฟาโรห์คูฟู (Khufu) ซึ่งพีระมิดของคูฟู (Great Pyramid of Giza) เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณและแสดงถึงความก้าวหน้าในด้านการก่อสร้างและเทคโนโลยีของอียิปต์โบราณ
  • Period: 3100 BCE to 30 BCE

    ศาสนาอารยธรรมอียิปต์

    1. ความเชื่อหลัก: เทพเจ้าและเทพธิดา: ศาสนาอียิปต์ประกอบด้วยเทพเจ้าและเทพธิดาหลายองค์ เช่น ออซิริส (Osiris), อิสิส (Isis), รา (Ra), และโฮรัส (Horus) ซึ่งเป็นที่เคารพและบูชาอย่างมาก ระบบเทพเจ้า: เทพเจ้าของอียิปต์มักมีลักษณะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ เช่น เทพเจ้าอาเมน (Amun) ที่มีหัวเป็นแกะ เทพเจ้าเซธ (Set) ที่มีหัวเป็นสุกร เป็นต้น
  • Period: 3100 BCE to 30 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมอียิปต์โบราณ

    สกุลเงิน
    เงินตราทองแดงและเหรียญเงิน:
    ในช่วงต้นของอารยธรรมอียิปต์ การค้าเน้นการแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นหลัก โดยไม่มีระบบเงินตราที่เป็นมาตรฐาน
    เมื่อเข้าสู่ยุคปลายของอารยธรรม การใช้เงินตราที่ทำจากทองแดงและเหรียญเงินเริ่มแพร่หลาย โดยเฉพาะในยุคที่มีการติดต่อกับอาณาจักรอื่นระบบการค้า
    บาร์เทอร์:
    ระบบการแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านบาร์เทอร์ยังคงเป็นวิธีหลักในการทำธุรกิจ โดยผู้ค้าจะแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรง เช่น ข้าว, เครื่องปั้นดินเผา, และวัสดุก่อสร้าง
    สินค้าเกษตรกรรม เช่น ข้าวและผัก เป็นที่นิยมใช้ในการแลกเปลี่ยน
  • 3000 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมจีน

    สกุลเงินอารยธรรมจีน
    เงินเหรียญ: ใช้เงินเหรียญทองแดงในรูปแบบเหรียญกลมที่มีรูตรงกลาง
    เงินกระดาษ: เริ่มมีการใช้เงินกระดาษในช่วงราชวงศ์ถังและซ่ง
  • Period: 3000 BCE to

    สกุลเงินอารยธรรมจีน

    สกุลเงิน
    เงินเหรียญทองแดง:
    รูปแบบ: เหรียญทองแดงในสมัยโบราณมักมีรูตรงกลาง ทำให้สามารถใช้เชือกหรือสายเพื่อจัดเก็บและพกพาได้ง่าย
    การใช้: เริ่มมีการผลิตตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฉิน (Qin) โดยเหรียญเหล่านี้ถูกใช้ในตลาดเพื่อการแลกเปลี่ยนสินค้าต่างๆเงินกระดาษ:
    เริ่มใช้: การใช้เงินกระดาษเริ่มต้นในช่วงราชวงศ์ถัง (Tang) และพัฒนาขึ้นอย่างมากในราชวงศ์ซ่ง (Song)ระบบการค้า
    ตลาด: การค้าในเมืองและตลาดท้องถิ่นมีความสำคัญ โดยผู้คนสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าหลายประเภท เช่น ข้าว, เครื่องปั้นดินเผา และผ้า
  • 2600 BCE

    อารยธรรมอินเดีย (ยุคฮารัปปา)

    อารยธรรมอินเดีย (ยุคฮารัปปา)
    (อารยธรรมโมเฮนโจ-ดาโร)
    การพัฒนาเมืองใหญ่และระบบการค้า
  • Period: 2600 BCE to 1900 BCE

    อารยธรรมอินเดีย (ยุคฮารัปปา)

    อารยธรรมโมเฮนโจ-ดาโร (Indus Valley Civilization) หรือที่เรียกกันว่าอารยธรรมลุ่มน้ำสินธุ เป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก พัฒนาการเมืองใหญ่และระบบการค้าในช่วงประมาณ 2600-1900 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) ช่วงเวลานี้รวมถึงช่วงที่เมืองสำคัญเช่น โมเฮนโจ-ดาโร และฮารัปปา เจริญรุ่งเรือง มีระบบการจัดการที่ซับซ้อนและการค้าขายที่กว้างขวางกับพื้นที่อื่นๆ ในภูมิภาค.
  • 2500 BCE

    อารยธรรมอินเดีย (Ancient India)

    อารยธรรมอินเดีย (Ancient India)
    อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (Indus Valley Civilization) ซึ่งเป็นหนึ่งในอารยธรรมเมืองแรก ๆ
  • 2500 BCE

    อารยธรรมอียิปต์โบราณ

    อารยธรรมอียิปต์โบราณ
    อารยธรรมอียิปต์โบราณ
    พิธีศพ: การมummification และการจัดงานศพเพื่อให้วิญญาณเข้าสู่ชีวิตหลังความตาย.
    เทศกาลที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยว: เช่น เทศกาล “โอซิริส” เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวและความอุดมสมบูรณ์.
  • 2500 BCE

    อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

    อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
    พิธีกรรมทางศาสนา: การบูชาเทพเจ้าในวัด, การถวายเครื่องบูชา.
    การเฉลิมฉลองปีใหม่: เทศกาล “นาเวย์” (New Year) ที่มีการจัดพิธีกรรมเพื่อขอพรจากเทพเจ้า.
  • 2500 BCE

    อารยธรรมจีนโบราณ

    อารยธรรมจีนโบราณ
    อารยธรรมจีนโบราณ
    เทศกาลตรุษจีน: การเฉลิมฉลองปีใหม่ตามปฏิทินจีน, การไหว้บรรพบุรุษ.
    พิธีกรรมการเคารพบรรพบุรุษ: การทำพิธีเพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณบรรพบุรุษ.
  • 2500 BCE

    อารยธรรมอินเดียโบราณ

    อารยธรรมอินเดียโบราณ
    อารยธรรมอินเดียโบราณ
    เทศกาลฮินดู: เช่น “ดีปาวาลี” (Diwali) หรือ “เทศกาลแสงสว่าง” เพื่อเฉลิมฉลองความดีชนะความชั่ว.
    พิธีกรรมทางศาสนา: การบูชาพระเจ้าผ่านพิธีกรรมและการสวดมนต์.
  • Period: 2500 BCE to 1900 BCE

    อารยธรรมอินเดีย (Ancient India)

    อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (Indus Valley Civilization)
    พื้นที่: ตั้งอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของปากีสถานและทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย รวมถึงเมืองสำคัญเช่น ฮารัปปา (Harappa) และโมเฮนโจดาโร (Mohenjo-Daro)
    ลักษณะ: เป็นอารยธรรมเมืองที่มีการวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบ มีระบบการระบายน้ำที่ซับซ้อนและการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ
    เศรษฐกิจ: การค้าและเกษตรกรรมเป็นพื้นฐานสำคัญ มีการทำการค้ากับอารยธรรมอื่น ๆ เช่น อียิปต์และเมโสโปเตเมีย
    การเขียน: มีการใช้ระบบการเขียนที่ยังไม่ถูกถอดรหัสอย่างสมบูรณ์
  • Period: 2500 BCE to 300 BCE

    อารยธรรมเมโสโปเตเมีย

    1. พิธีกรรมทางศาสนา การบูชาเทพเจ้าในวัด: เมโสโปเตเมียมีการสร้างวัดที่เรียกว่า ซิกูรัต (Ziggurat) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาและสังคม วัดใช้เป็นที่สำหรับการบูชาและสวดมนต์เพื่อขอพรจากเทพเจ้า เช่น เทพเจ้าอันลาม (Anu), เทพเจ้ามาร์ดุก (Marduk)
    2. การเฉลิมฉลองปีใหม่ เทศกาลนาเวย์ (New Year): เทศกาลนี้มีชื่อเรียกว่า "อากู" (Akitu) ซึ่งจัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ มักจะมีการจัดพิธีกรรมเพื่อขอพรจากเทพเจ้าสำหรับปีใหม่ โดยเฉพาะเทพเจ้ามาร์ดุก กิจกรรมประกอบด้วยการเดินขบวน, การแสดงละคร, และพิธีกรรมต่างๆ
  • Period: 2500 BCE to 332 BCE

    อารยธรรมอียิปต์โบราณ

    1. พิธีศพ การมummification: เป็นกระบวนการอนุรักษ์ศพเพื่อให้วิญญาณสามารถกลับมาสู่ร่างได้ในชีวิตหลังความตาย โดยจะมีการนำอวัยวะภายในออกและบรรจุในภาชนะพิเศษ (Canopic jars) ใช้เวลานานในการเตรียมและมีการใช้สารเคมีเช่น นัตรอน (natron) เพื่อดูดซับความชื้นจากร่างกาย
    2. เทศกาลที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยว เทศกาล “โอซิริส”: เทศกาลนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวและความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวของข้าวสาลี โอซิริสเป็นเทพเจ้าที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและการฟื้นคืนชีพ
  • Period: 2500 BCE to

    อารยธรรมจีนโบราณ

    เทศกาลตรุษจีน
    ตรุษจีนเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ตามปฏิทินจีน ซึ่งมักจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยการเฉลิมฉลองนี้มักมีการรวมญาติ การทำอาหารพิเศษ และการจุดประทัดเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้าย การไหว้บรรพบุรุษ
    ในวันตรุษจีน ครอบครัวจะทำพิธีไหว้บรรพบุรุษเพื่อแสดงความเคารพและขอบคุณ โดยการจัดโต๊ะอาหารที่มีของโปรดของบรรพบุรุษ การจุดธูป และการถวายกระดาษเงินกระดาษทอง ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกับความเชื่อในเรื่องจิตวิญญาณ
  • Period: 2500 BCE to

    อารยธรรมอินเดียโบราณ

    เทศกาลฮินดู: ดีปาวาลี (Diwali)
    ดีปาวาลี หรือ "เทศกาลแสงสว่าง" เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดในศาสนาฮินดู จัดขึ้นในเดือนตุลาคม (ตามปฏิทินเกรกอเรียน) เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของความดีเหนือความชั่ว การเฉลิมฉลองประกอบด้วยการจุดประทีป การจุดไฟworks และการสวดมนต์เพื่อขอพรจากพระเจ้า
    พิธีกรรมทางศาสนา
    พิธีกรรมทางศาสนาในศาสนาฮินดูมีความสำคัญต่อการบูชาพระเจ้า มักประกอบด้วยการทำพิธีบูชา (Puja) ซึ่งรวมถึงการสวดมนต์ การถวายดอกไม้ อาหาร และเครื่องหอมต่างๆ การบูชานี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงความเคารพและขอพรจากพระเจ้า
  • 2334 BCE

    สมัยอาคคาเดียน

    สมัยอาคคาเดียน
    การรวมตัวของรัฐโดยซาร์กอนมหาราช
  • Period: 2334 BCE to 2279 BCE

    สมัยอาคคาเดียน

    การรวมตัวของรัฐโดยซาร์กอนมหาราช (Sargon of Akkad) เกิดขึ้นในช่วงประมาณ 2334–2279 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE). ซาร์กอนเป็นผู้ก่อตั้งอาณาจักรอาคคาเดียน (Akkadian Empire) และได้รวมเมือง-รัฐต่างๆ ในเมโสโปเตเมียให้เป็นอาณาจักรเดียวกัน, ทำให้เขามีอิทธิพลอย่างกว้างขวางในภูมิภาคนั้น.
  • 2070 BCE

    อารยธรรมจีน (Ancient China)

    อารยธรรมจีน (Ancient China)
    สมัยราชวงศ์เซี่ย (Xia Dynasty) ซึ่งมีความสำคัญในเรื่องการพัฒนาและสร้างระบบการปกครอง
  • Period: 2070 BCE to 1600 BCE

    อารยธรรมจีน (Ancient China)

    สมัยราชวงศ์เซี่ย (Xia Dynasty) เริ่มต้นประมาณปี 2070 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และสิ้นสุดประมาณปี 1600 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). ราชวงศ์เซี่ยถือเป็นราชวงศ์แรกของจีนที่มีบันทึกทางประวัติศาสตร์และมีความสำคัญในการพัฒนาระบบการปกครองและการจัดระเบียบสังคมในยุคโบราณของจีน
  • 2040 BCE

    สมัยอียิปต์กลาง

    สมัยอียิปต์กลาง
    การรวมอียิปต์หลังจากช่วงความวุ่นวาย
  • Period: 2040 BCE to 1782 BCE

    สมัยอียิปต์กลาง

    การรวมอียิปต์หลังจากช่วงความวุ่นวายในสมัยอียิปต์กลางเริ่มต้นเมื่อประมาณปี 2040 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) โดยพระนามของฟาโรห์เมนเทห์ (Mentuhotep II) จากราชวงศ์ที่ 11 ซึ่งนำความสงบสุขกลับมาสู่ประเทศอียิปต์ หลังจากนั้นเป็นต้นไป อียิปต์เข้าสู่ช่วงการรวมตัวและความเจริญรุ่งเรืองในสมัยอียิปต์กลาง (Middle Kingdom) ที่ดำเนินต่อเนื่องจนถึงประมาณปี 1782 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE).
  • 2000 BCE

    อารยธรรมฮิบรู (Hebrews)

    อารยธรรมฮิบรู (Hebrews)
    การตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าฮิบรูในแผ่นดินคานาอัน
  • 2000 BCE

    อารยธรรมมายา

    อารยธรรมมายา
    ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์
    ภูมิภาค: อาณาจักรมายามีภูมิประเทศหลากหลาย ตั้งแต่ป่าฝนเขตร้อนถึงที่ราบสูง
    การก่อตั้ง: อารยธรรมนี้เริ่มพัฒนาขึ้นในช่วงประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล และมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วง 250–900 ค.ศ.
  • Period: 2000 BCE to 1800 BCE

    อารยธรรมฮิบรู (Hebrews)

    การตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าฮิบรูในแผ่นดินคานาอันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับตำนาน
    ประมาณ 2000-1800 ปีก่อนคริสตกาล: เป็นช่วงที่มีการอพยพและการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าฮิบรูในแผ่นดินคานาอันตามตำนานทางศาสนา ซึ่งมีหลักฐานทางโบราณคดีบางประการที่สนับสนุนช่วงเวลาดังกล่าว แม้จะไม่มีหลักฐานที่เฉพาะเจาะจงในการระบุปีที่แน่นอน
    การอพยพและการตั้งถิ่นฐานนี้รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การเดินทางของอับราฮัมจากยูร์ (Ur) ไปยังแผ่นดินคานาอัน และการสร้างฐานที่มั่นในพื้นที่ดังกล่าว
  • Period: 2000 BCE to 900

    อารยธรรมมายา

    อารยธรรมมายา: ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์
    1. ภูมิศาสตร์
    ภูมิภาค: อาณาจักรมายาตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ปัจจุบันคือเม็กซิโกตอนใต้, กัวเตมาลา, เบลีซ, ฮอนดูรัส, และเอลซัลวาดอร์
    ลักษณะภูมิประเทศ:
    ป่าฝนเขตร้อน: มีความชื้นสูงและอุดมสมบูรณ์ ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ
    การเริ่มพัฒนา: อารยธรรมมายาเริ่มขึ้นประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล โดยเป็นการรวมกลุ่มของชนเผ่าที่มีการเกษตรและตั้งถิ่นฐาน
    การพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว:
    ในช่วง 250–900 ค.ศ. อารยธรรมมายาเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก มีการสร้างเมืองใหญ่, ระบบการปกครอง
  • 1754 BCE

    สมัยบาบิโลเนียน

    สมัยบาบิโลเนียน
    1 ) กฎหมายฮัมมูราบิ (ประมาณ 1754 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
    2 ) การตกเป็นอาณาจักรของเปอร์เซียในปี 539 ปีก่อนคริสต์ศักราช
  • Period: 1754 BCE to 331 BCE

    สมัยบาบิโลเนียน

    1.) กฎหมายฮัมมูราบิ (Code of Hammurabi) ประมาณปี 1754 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) เป็นกฎหมายที่ถูกตราขึ้นในสมัยของฮัมมูราบิ (Hammurabi) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในระบบกฎหมายที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของเมโสโปเตเมีย
    2.) การตกเป็นอาณาจักรของเปอร์เซีย เริ่มต้นเมื่อปี 539 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) เมื่อไซรัสมหาราช ของอาณาจักรเปอร์เซียยึดครองบาบิโลน การปกครองของเปอร์เซียในบาบิโลนดำเนินต่อไปจนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิเพอร์เซียในปี 331 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) เมื่อถูกพิชิตโดยอเล็กซานเดอร์มหาราช.
  • 1600 BCE

    อารยธรรมจีน

    อารยธรรมจีน
    สมัยราชวงศ์ชาง (Shang Dynasty) ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการหลอมโลหะ
  • 1600 BCE

    ยุคมิคีนี (Mycenaean Period)

    ยุคมิคีนี (Mycenaean Period)
    ยุคมิคีนี (Mycenaean Period) เป็นช่วงเวลาสำคัญในประวัติศาสตร์ของอารยธรรมกรีกโบราณ ซึ่งเริ่มประมาณปี 1600 ก่อนคริสต์ศักราช (BCE) และสิ้นสุดประมาณปี 1100 BCE
  • 1600 BCE

    ศาสนาอารยธรรมจีน

    ศาสนาอารยธรรมจีน
    ศาสนาและความเชื่อในอารยธรรมจีนมีอิทธิพลลึกซึ้งต่อการพัฒนาของสังคมและวัฒนธรรมจีน รวมถึงการประยุกต์ใช้และการปฏิบัติที่สอดคล้องกับความเชื่อในแต่ละยุคสมั
  • Period: 1600 BCE to 1046 BCE

    อารยธรรมจีน

    สมัยราชวงศ์ชาง (Shang Dynasty) เริ่มต้นประมาณปี 1600 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และสิ้นสุดประมาณปี 1046 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). ราชวงศ์ชางเป็นที่รู้จักดีในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการหลอมโลหะ โดยเฉพาะในด้านการผลิตโลหะสำริด (Bronze) ซึ่งมีการใช้ในการสร้างเครื่องมือ อาวุธ และเครื่องประดับที่มีความซับซ้อนและประณีต
  • Period: 1600 BCE to 1100 BCE

    ยุคมิคีนี (Mycenaean Period)

    ในยุคมิคีนี มีเหตุการณ์และบุคคลสำคัญดังนี้
    1.) กษัตริย์อากาเมมNON (Agamemnon): ปกครองเมือง Mycenae และเป็นตัวละครหลักในมหากาพย์ "The Iliad" ของโฮเมอร์ แม้ว่าเรื่องราวของเขาจะมีลักษณะเป็นตำนานมากกว่าข้อมูลประวัติศาสตร์ที่แน่นอน
    2.) ศูนย์กลางการปกครอง: เมืองหลัก ได้แก่ Mycenae, Tiryns, Pylos และ Thebes ซึ่งมีการสร้างปราสาทที่แข็งแกร่งและมีระบบการปกครองที่ซับซ้อน
    3.) ศิลปะและวัฒนธรรม: มีการสร้างงานศิลปะที่โดดเด่น เช่น เครื่องทองคำและเครื่องปั้นดินเผาที่สะท้อนถึงความเชื่อและความสำคัญทางศาสนา
  • Period: 1600 BCE to 3 BCE

    ศาสนาอารยธรรมจีน

    1. ลัทธิเต๋า (Taoism) เริ่มต้น: ลัทธิเต๋าเริ่มต้นประมาณศตวรรษที่ 4–3 ก่อนคริสตกาล (BCE) โดยเล่าจื๊อ (Laozi) ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือ "เต๋าเต๋อจิง" (Tao Te Ching) ที่ถือเป็นตำราหลักของลัทธินี้
    2. ลัทธิขงจื๊อ (Confucianism) เริ่มต้น: ลัทธิขงจื๊อเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 5–4 BCE โดยขงจื๊อ (Confucius) หรือคอนฟูเซียส ซึ่งเขียนหนังสือ "ลู่ซือ" (Lunyu) และ "ฉีงซู" (Qing Shu)
    3. ลัทธิพุทธ (Buddhism) เริ่มต้น: ศาสนาพุทธเข้ามาในจีนจากอินเดียประมาณศตวรรษที่ 1 CE ผ่านเส้นทางการค้าและการแพร่กระจายของพุทธศาสนา
  • 1550 BCE

    สมัยอียิปต์ใหม่

    สมัยอียิปต์ใหม่
    1 ) การขยายอำนาจไปยังภูมิภาคต่างๆ เช่น อัสซีเรียและคานาอัน
    2 ) การครองอำนาจของฟาโรห์ที่มีชื่อเสียง เช่น ทูตังค์อามุนและรามเสสที่ 2
  • Period: 1550 BCE to 1070 BCE

    สมัยอียิปต์ใหม่

    การขยายอำนาจไปยังภูมิภาคต่างๆ ในช่วงอียิปต์ใหม่ (New Kingdom) เกิดขึ้นในช่วงประมาณปี 1550-1070 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) โดยฟาโรห์ในราชวงศ์ที่ 18-20 ได้ขยายอำนาจไปยังภูมิภาคต่างๆ เช่น อัสซีเรีย, คานาอัน, และดินแดนอื่นๆ ในตะวันออกกลางเพื่อเสริมสร้างอิทธิพลของอียิปต์ในภูมิภาคนั้น
  • 1500 BCE

    สมัยเว็ดิก

    สมัยเว็ดิก
    สมัยเว็ดิก (Vedic Period) และเริ่มต้นการเกิดศาสนาฮินดู
  • 1500 BCE

    ศาสนาอารยธรรมอินเดีย

    ศาสนาอารยธรรมอินเดีย
    ศาสนาในอารยธรรมอินเดียมีความหลากหลายและมีพัฒนาการยาวนาน มี
    1. ศาสนาฮินดู
    2. ศาสนาโบไฮศิก
    3. ศาสนาพุทธ
    4. ศาสนาซิกห์
    5. คริสตศักราช
    ศาสนาเหล่านี้มีอิทธิพลลึกซึ้งต่อวัฒนธรรมและสังคมของอินเดีย และยังคงเป็นส่วนสำคัญของชีวิตในภูมิภาคนี้มาจนถึงปัจจุบัน
  • Period: 1500 BCE to 500 BCE

    สมัยเว็ดิก

    สมัยเว็ดิก (Vedic Period) เริ่มต้นประมาณปี 1500 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และดำเนินต่อไปจนถึงประมาณปี 500 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). ในช่วงนี้มีการเขียนพระเวท (Vedas) ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญที่ถือเป็นรากฐานของศาสนาฮินดู โดยเฉพาะพระเวทสังคีต (Rigveda) ที่เป็นคัมภีร์เวทที่เก่าแก่ที่สุดและมีความสำคัญในการกำหนดความเชื่อและพิธีกรรมของศาสนาฮินดู
  • Period: 1500 BCE to

    ศาสนาอารยธรรมอินเดีย

    ศาสนาฮินดู:
    เริ่มต้น: ศาสนาฮินดูมีต้นกำเนิดมาจากวรรณกรรมเวท (Vedas) และความเชื่อของอารยธรรมแม่น้ำสินธุ (Indus Valley) โดยประมาณ 1500–500 ปีก่อนคริสตกาล (BCE)
    หลักการสำคัญ: มีเทพเจ้าหลายองค์ เช่น พระพรหม (Brahma), พระวิษณุ (Vishnu), และพระศิวะ (Shiva) นอกจากนี้ยังมีแนวคิดเรื่องการเกิดใหม่ (Reincarnation) และกฎแห่งกรรม (Karma)
    การพัฒนา: ศาสนาฮินดูได้พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาต่าง ๆ รวมถึงการเกิดแนวคิดใหม่ ๆ เช่น ศาสนาฮินดูแบบบูชาภาพ (Bhakti) ในช่วงศตวรรษที่ 1–5 CE
  • 1313 BCE

    อารยธรรมฮิบรู

    อารยธรรมฮิบรู
    การออกจากอียิปต์ (Exodus) - เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2448 ของอายธรรมฮิบรู ซึ่งตรงกับประมาณปี 1313 BCE ในคริสต์ศักราช
  • Period: 1313 BCE to 1312 BCE

    อารยธรรมฮิบรู

    การออกจากอียิปต์ (Exodus) ตามปฏิทินฮิบรูเกิดขึ้นในปี 2448 ซึ่งตรงกับปี 1313 BCE ในคริสต์ศักราช ปี 2448 ของอายธรรมฮิบรูเริ่มต้นในเดือนทีเชรี (Tishrei) ของปี 1313 BCE และสิ้นสุดในเดือนทีเชรีของปี 1312 BCE
    เหตุการณ์การออกจากอียิปต์มักจะถูกอ้างถึงในบริบทของเดือนนีซาน (Nisan) ซึ่งเป็นเดือนที่เกิดเหตุการณ์นี้จริง ๆ เดือนนีซานเริ่มต้นประมาณเดือนมีนาคมถึงเมษายนในปฏิทินเกรกอเรียน ดังนั้น การออกจากอียิปต์อาจเริ่มในช่วงเดือนนีซานปี 2448 ของอายธรรมฮิบรู ซึ่งตรงกับปี 1313 BCE ในคริสต์ศักราช
  • 1100 BCE

    ยุคมืดของกรีก (Greek Dark Ages)

    ยุคมืดของกรีก (Greek Dark Ages)
    ยุคมืดของกรีกเป็นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในด้านสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ยุคถัดไปเป็นการฟื้นฟูและการพัฒนาที่สำคัญในประวัติศาสตร์กรีก.
  • Period: 1100 BCE to 800 BCE

    ยุคมืดของกรีก (Greek Dark Ages)

    ยุคมืดของกรีก (Greek Dark Ages) ประมาณ 1100-800 BCE มีเหตุการณ์หลัก ๆ ดังนี้:
    1.) การล่มสลายของอาณาจักรมิคีนี: เมืองหลักในยุคมิคีนี เช่น Mycenae และ Tiryns ถูกทำลายและทิ้งร้าง, ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสื่อมโทรมในด้านการปกครองและเศรษฐกิจ
    2.) การลดลงของการเขียน: การใช้ระบบการเขียน Linear B หายไป และการบันทึกข้อมูลเริ่มหายาก ซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญหายของความรู้และวรรณกรรมในช่วงเวลานี้
    3.) การเคลื่อนย้ายและการตั้งถิ่นฐานใหม่: มีการเคลื่อนย้ายของชนเผ่าและการตั้งถิ่นฐานใหม่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของกรีซ
  • 1070 BCE

    สมัยอียิปต์หลังใหม่

    สมัยอียิปต์หลังใหม่
    การถูกพิชิตโดยชาวอาเล็กซานเดอร์มหาราชในปี 332 ปีก่อนคริสต์ศักราช
  • Period: 1070 BCE to 323 BCE

    สมัยอียิปต์หลังใหม่

    หลังจากการพิชิตโดยอเล็กซานเดอร์มหาราชในปี 332 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) อียิปต์เข้าสู่ช่วงของการปกครองภายใต้จักรวรรดิเมซิโดเนียและต่อมาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิของอเล็กซานเดอร์ จักรวรรดิเพียงไม่กี่ปีหลังจากการพิชิตของเขา ในปี 323 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) อเล็กซานเดอร์ได้เสียชีวิต และจักรวรรดิเกิดการแบ่งแยก
  • 1046 BCE

    อารยธรรมจีน

    อารยธรรมจีน
    สมัยราชวงศ์โจว (Zhou Dynasty) ซึ่งมีการพัฒนาแนวคิดทางการเมืองและปรัชญา
  • Period: 1046 BCE to 256 BCE

    อารยธรรมจีน

    สมัยราชวงศ์โจว (Zhou Dynasty) เริ่มต้นประมาณปี 1046 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และสิ้นสุดประมาณปี 256 ก่อนคริสต์ศักราช (BC). ในช่วงราชวงศ์โจว มีการพัฒนาแนวคิดทางการเมืองและปรัชญาที่สำคัญ เช่น หลักการของ "การปกครองตามฟ้าฟื้น" (Mandate of Heaven) ซึ่งมีผลกระทบต่อแนวคิดการปกครองของจีน และการพัฒนาแนวคิดทางปรัชญา เช่น ขงจื๊อ (Confucianism) และเต๋า (Taoism) ซึ่งมีรากฐานสำคัญในช่วงปลายราชวงศ์โจวและช่วงราชวงศ์ชิน (Qin Dynasty) ต่อไป
  • 1040 BCE

    อารยธรรมฮิบรู (Hebrews)

    อารยธรรมฮิบรู (Hebrews)
    การก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลภายใต้การนำของกษัตริย์ซาอูล และการสถาปนาของพระเยซูซึ่งเป็นพระเจ้าของคริสต์ศาสนา
  • Period: 1040 BCE to 33 BCE

    อารยธรรมฮิบรู (Hebrews)

    การก่อตั้งอาณาจักรอิสราเอลภายใต้การนำของกษัตริย์ซาอูลเริ่มต้นประมาณปี 1040 ก่อนคริสต์ศักราช (BCE) การสถาปนาของพระเยซู ซึ่งเป็นพระเจ้าของคริสต์ศาสนา เกิดขึ้นประมาณปี 4 ก่อนคริสต์ศักราช (BCE) ถึงปี 30-33 คริสต์ศักราช (CE) นี่คือช่วงเวลาโดยประมาณในการเริ่มต้นเหตุการณ์สำคัญเหล่านี้.
  • 911 BCE

    สมัยอัสซีเรียน

    สมัยอัสซีเรียน
    การขยายอำนาจของอัสซีเรียและการสู้รบกับพันธมิตรอื่นๆ
  • Period: 911 BCE to 609 BCE

    สมัยอัสซีเรียน

    ช่วงสมัยของอัสซีเรียรุ่นใหม่ (Neo-Assyrian Empire) เริ่มต้นในปีประมาณ 911 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) กับการขึ้นสู่อำนาจของพระเจ้าอาดัดนีร์อี (Adad-Nirari II) และมีการขยายอำนาจอย่างกว้างขวางต่อเนื่องในสมัยของฟาโรห์ที่สำคัญ เช่น เสลมานัสเซอร์ที่ 3 (Shalmaneser III) และพระเจ้าเทกัล-ฟาลเซอร์ที่ 3 (Tiglath-Pileser III) จนถึงการรุ่งเรืองสูงสุดในสมัยของพระเจ้าอัสซีเรียที่ 3 (Ashurbanipal) ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลาจนถึงการล่มสลายของจักรวรรดิอัสซีเรียในปี 609 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE).
  • 800 BCE

    อารยธรรมกรีกโบราณ

    อารยธรรมกรีกโบราณ
    อารยธรรมกรีกโบราณเริ่มต้นประมาณปี 800 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาที่เรียกว่าสมัยกรีกคลาสสิก (Classical Greece) ซึ่งประมาณปี 500 ถึง 323 ก่อนคริสต์ศักราช (BC).
  • 800 BCE

    ศาสนาอารยธรรมกรีก

    ศาสนาอารยธรรมกรีก
    อารยธรรมกรีกโบราณมีสองช่วงหลักคือยุคเก่ากรีก (ประมาณ 800–500 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และยุคคลาสสิก (ประมาณ 500–323 ปีก่อนคริสต์ศักราช). ศาสนาในยุคนั้นเน้นการบูชาเทพเจ้าหลายองค์ เช่น ซุส, เฮร่า, และอะธีน่า โดยมีการสร้างวัดและการจัดพิธีกรรมต่างๆ ศาสนาและความเชื่อของกรีกมีบทบาทสำคัญในวรรณกรรมและปรัชญา เช่นงานของโฮเมอร์และเพลโต
  • 800 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมกรีก

    สกุลเงินอารยธรรมกรีก
    สกุลเงิน: เหรียญเงิน (เช่น ดราเชมา) ถูกใช้อย่างแพร่หลาย มีการประทับตราเพื่อรับรองความมีค่า
    การค้า: ระบบการค้าในเมืองรัฐ (City-States) เช่น เอเธนส์ ทำให้เหรียญกลายเป็นสื่อกลางสำคัญ
  • Period: 800 BCE to

    อารยธรรมกรีกโบราณ

    อารยธรรมกรีก: แม้ว่ากรีซโบราณจะไม่ได้มีอำนาจทางการเมืองเหมือนในอดีต แต่ปรัชญา การเมือง และศิลปะกรีกยังคงมีอิทธิพลต่อวรรณกรรม การศึกษา และวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน
  • Period: 800 BCE to 323 BCE

    ศาสนาอารยธรรมกรีก

    ศาสนาและอารยธรรมกรีกโบราณมีการพัฒนาในช่วงคริสต์ศักราชดังนี้:
    ยุคเก่ากรีก (ประมาณ 800–500 ปีก่อนคริสต์ศักราช): การบูชาเทพเจ้าหลายองค์เริ่มมีความชัดเจน เช่น ซุส, เฮร่า, และอะธีน่า การจัดตั้งรัฐเมือง (Poleis) และการสร้างวรรณกรรมและปรัชญาเริ่มเติบโต. ยุคคลาสสิก (ประมาณ 500–323 ปีก่อนคริสต์ศักราช): อารยธรรมกรีกเติบโตเต็มที่ มีการพัฒนาภาพยนตร์, ปรัชญา, และวิทยาศาสตร์ นักปรัชญาที่สำคัญ เช่น โสเครตีส, เพลโต, และอริสโตเติล.
  • Period: 800 BCE to 300 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมกรีก

    สกุลเงิน
    เหรียญเงิน:เหรียญที่ใช้มากที่สุดคือ ดราเชมา (Drachma)ซึ่งเป็นเหรียญเงินที่มีการประทับตราเพื่อรับรองความมีค่า
    การใช้เหรียญเงินเริ่มต้นในช่วงศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตศักราช และมีการผลิตเหรียญจากโลหะที่มีคุณภาพสูง
    เหรียญเหล่านี้ช่วยสร้างมาตรฐานในการแลกเปลี่ยนและการค้าในระดับที่กว้างขึ้น
    ระบบการค้า
    เมืองรัฐ (City-States):ระบบการค้าในเมืองรัฐ เช่น เอเธนส์ และ สปาร์ตา ทำให้เกิดการค้าขายที่มีระเบียบและมีประสิทธิภาพ
    แต่ละเมืองรัฐมักมีเหรียญของตนเองที่ประทับตรา และใช้เหรียญเป็นสื่อกลางในการทำธุรกรรม
  • 776 BCE

    อารยธรรมกรีก

    อารยธรรมกรีก
    อารยธรรมกรีก
    เทศกาลกีฬาโอลิมปิก: การจัดแข่งขันกีฬาเพื่อเคารพเทพเจ้า.
    พิธีกรรมทางศาสนา: การบูชาเทพเจ้า เช่น เทศกาล “ปานเธนีอา” เพื่อเฉลิมฉลองเทพีอะธีน่า.
  • Period: 776 BCE to 393

    อารยธรรมกรีก

    1. เทศกาลกีฬาโอลิมปิก วัตถุประสงค์: จัดขึ้นเพื่อเคารพเทพเจ้า โดยเฉพาะเทพซุส (Zeus) เทพเจ้าแห่งฟ้าและการปกครอง สถานที่จัด: ที่เมืองโอลิมเปีย (Olympia) ประเทศกรีซ ช่วงเวลา: เริ่มต้นในปี 776 ปีก่อนคริสต์ศักราช และจัดทุก 4 ปี ต่อเนื่องมาจนถึงประมาณ 393 คริสต์ศักราช เมื่อถูกยกเลิกโดยจักรพรรดิธีโอดอส (Theodosius I)
    2. พิธีกรรมทางศาสนา: เทศกาล “ปานเธนีอา” วัตถุประสงค์: จัดเพื่อเฉลิมฉลองเทพีอะธีน่า (Athena) ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญสูงสุดในกรุงเอเธนส์
  • 753 BCE

    อารยธรรมโรมัน (Ancient Rome)

    อารยธรรมโรมัน (Ancient Rome)
    การก่อตั้งกรุงโรม (Rome)
  • Period: 753 BCE to

    อารยธรรมโรมัน (Ancient Rome)

    การก่อตั้งกรุงโรม (Rome) ตามตำนานโรมันเริ่มต้นในปี 753 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE). ตามประวัติศาสตร์โบราณ, ปี 753 BCE ถือเป็นปีที่กรุงโรมถูกก่อตั้งโดยโรมัลุส (Romulus) และเรมุส (Remus). ตั้งแต่นั้นมา กรุงโรมได้พัฒนาจนกลายเป็นศูนย์กลางของอารยธรรมโรมันที่มีอิทธิพลมากในภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน.
  • 605 BCE

    สมัยนีโอ-บาบิโลเนียน

    สมัยนีโอ-บาบิโลเนียน
    การฟื้นฟูอำนาจของบาบิโลนในยุคของเนบูคัดเนซาร์ที่ 2
  • Period: 605 BCE to 562 BCE

    สมัยนีโอ-บาบิโลเนียน

    การฟื้นฟูอำนาจของบาบิโลนในยุคของเนบูคัดเนซาร์ที่ 2 (Nebuchadnezzar II) อยู่ในช่วงเวลาประมาณปี 605–562 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE). เนบูคัดเนซาร์ที่ 2 เป็นฟาโรห์ที่มีบทบาทสำคัญในการทำให้บาบิโลนกลับมามีอำนาจอีกครั้ง และในช่วงเวลานี้ บาบิโลนได้เจริญรุ่งเรืองทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ.
  • 600 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมอินเดีย

    สกุลเงินอารยธรรมอินเดีย
    เหรียญทองและเงิน: เช่น เหรียญปันที่ (Pancika) ซึ่งทำจากเงินหรือทอง
    บาร์เทอร์: ใช้การแลกเปลี่ยนสินค้า เช่น ข้าวและเครื่องเทศ
  • Period: 600 BCE to 300

    สกุลเงินอารยธรรมอินเดีย

    สกุลเงิน
    เหรียญทองและเงิน:
    เหรียญปันที่ (Pancika):
    เป็นเหรียญที่ทำจากเงินและทอง ใช้เป็นสกุลเงินหลักในอาณาจักรต่างๆ เช่น อาณาจักรเมารยะ
    มีการประทับตราเพื่อรับรองความมีค่า และมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามแต่ละอาณาจักร
    ระบบการค้า
    บาร์เทอร์:
    การค้าในอินเดียส่วนใหญ่พึ่งพาการแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านระบบบาร์เทอร์ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนข้าว, เครื่องเทศ, และผลิตภัณฑ์เกษตรกร
    สินค้าเหล่านี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตของประชาชน
  • 550 BCE

    อารยธรรมเปอร์เซีย

    อารยธรรมเปอร์เซีย
    จักรวรรดิอาคีเมนิด (550-330 ปีก่อนคริสต์ศักราช) - ก่อตั้งโดยไซรัสมหาราช (Cyrus the Great) ในปี 550 ปีก่อนคริสต์ศักราช การขยายอาณาจักรอย่างรวดเร็ว และเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
  • Period: 550 BCE to 330 BCE

    อารยธรรมเปอร์เซีย

    จักรวรรดิอาคีเมนิด เป็นจักรวรรดิที่ก่อตั้งโดยไซรัสมหาราช (Cyrus the Great) ซึ่งเป็นผู้นำที่มีความสามารถในการรวมกลุ่มชนต่าง ๆ และขยายอาณาเขตอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มจากการรวมกลุ่มเมเดีย (Media) และขยายอาณาจักรไปยังบาบิโลเนีย (Babylonia), ลิเบีย (Lydia), และส่วนอื่น ๆ ในเอเชียตะวันตก. ไซรัสมีการปกครองที่เปิดกว้างและให้ความเคารพในวัฒนธรรมของชาติที่ถูกปกครอง ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงในอาณาจักรจักรวรรดิอาคีเมนิดสิ้นสุดลงเมื่อถูกโกรธเฮลีนิสต์ (Alexander the Great) ทำลายในปี 330 ปีก่อนคริสต์ศักราช.
  • 500 BCE

    อารยธรรมกรีกโบราณ (Ancient Greece)

    อารยธรรมกรีกโบราณ (Ancient Greece)
    สมัยกรีกคลาสสิก (Classical Greece) รวมถึงการพัฒนาอาณาจักรและเมืองรัฐ เช่น เอเธนส์ (Athens) และสปาร์ตา (Sparta)
  • 500 BCE

    อารยธรรมโรมัน

    อารยธรรมโรมัน
    พิธีกรรมบูชาเทพเจ้า: การบูชาเทพเจ้าโรมันในวัดและบ้าน.
    เทศกาล “ลูเปอร์คัลเลีย”: การเฉลิมฉลองความอุดมสมบูรณ์และความรัก.
  • 500 BCE

    สกุลเงินอารยธรรมโรมัน

    สกุลเงินอารยธรรมโรมัน
    สกุลเงิน: เงินเดนาริอุส (Denarius) และเหรียญทอง (Aureus)
    การค้า: การใช้เงินตราที่มีมาตรฐานทำให้การค้าแพร่หลายและมีประสิทธิภาพทั่วอาณาจักร
  • Period: 500 BCE to 323 BCE

    อารยธรรมกรีกโบราณ (Ancient Greece)

    สมัยกรีกคลาสสิก (Classical Greece) เริ่มต้นประมาณปี 500 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) และสิ้นสุดในปี 323 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เริ่มต้นเมื่อกรีซมีความเจริญรุ่งเรืองในด้านวรรณกรรม ปรัชญา การเมือง และศิลปะ รวมถึงการพัฒนาเมืองรัฐสำคัญ เช่น เอเธนส์ (Athens) และสปาร์ตา (Sparta) โดยเอเธนส์เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเดโมเครซี (ประชาธิปไตย) และวรรณกรรม ขณะที่สปาร์ตาเป็นที่รู้จักในด้านทหารและระเบียบวินัยทางทหาร
  • Period: 500 BCE to 400

    อารยธรรมโรมัน

    พิธีกรรมบูชาเทพเจ้า
    การบูชาเทพเจ้าในอารยธรรมโรมันมีความสำคัญทั้งในวัดและในบ้าน โดยชาวโรมันจะทำพิธีกรรมเพื่อเคารพและขอพรจากเทพเจ้าต่าง ๆ เช่น เทพเจ้าเจนีอุส (Genius) และเทพเจ้าแห่งบ้าน (Lares) ที่ช่วยปกป้องครอบครัว
    เทศกาล “ลูเปอร์คัลเลีย”
    เทศกาลลูเปอร์คัลเลีย (Lupercalia) เป็นการเฉลิมฉลองในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์เพื่อเคารพเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ เช่น ฟอรุนุส (Faunus) และเทพเจ้าแห่งความรักโดยมีการจัดพิธีกรรมและการเฉลิมฉลองซึ่งรวมถึงการวิ่งประจำปีและการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความรักในชีวิต
  • Period: 500 BCE to 476

    สกุลเงินอารยธรรมโรมัน

    สกุลเงิน
    เงินเดนาริอุส (Denarius):
    เป็นเหรียญเงินที่ใช้กันอย่างแพร่หลายตั้งแต่ศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตศักราช มีน้ำหนักและขนาดมาตรฐาน
    เงินเดนาริอุสมีการประทับตราภาพของจักรพรรดิและสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมีค่าและความน่าเชื่อถือระบบการค้า
    การค้า:
    การใช้เงินตราที่มีมาตรฐานช่วยให้การค้าในอาณาจักรโรมันมีความสะดวกและมีประสิทธิภาพ
    ผู้ค้าสามารถแลกเปลี่ยนสินค้าได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดตลาดที่มีความหลากหลายทั้งในเมืองและชนบท
  • 490 BCE

    สงครามเปอร์เซีย-กรีก

    สงครามเปอร์เซีย-กรีก
    สงครามเปอร์เซีย-กรีก รวมถึงการต่อสู้ที่สำคัญเช่น การรบที่มาราธอน (490 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และการรบที่พลาทาอา (479 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
  • Period: 490 BCE to 479 BCE

    สงครามเปอร์เซีย-กรีก

    สงครามเปอร์เซีย-กรีก เป็นชุดของสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างจักรวรรดิเปอร์เซียและเมืองรัฐกรีกในช่วงปลายศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช
    การรบที่มาราธอน
    เหตุการณ์: จักรพรรดิแดรีอัสที่ 1 (Darius I) ส่งกองทัพใหญ่ไปยังกรีซเพื่อลงโทษเมืองเอเธนส์ที่มีส่วนร่วมในการกบฏของเมืองรัฐกรีกอื่น ๆ ต่อต้านการปกครองของเปอร์เซีย
    การรบที่พลาทาอา
    เหตุการณ์: การรบสุดท้ายของสงครามเปอร์เซีย-กรีกที่เกิดขึ้นบนแผ่นดิน. กองทัพพันธมิตรของเมืองรัฐกรีกที่นำโดยสปาร์ตาและเอเธนส์ได้ทำลายกองทัพเปอร์เซียที่นำโดยมาร์ดอนีอุส (Mardonius).
  • 336 BCE

    สมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)

    สมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)
    สมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) และการขยายอาณาจักรกรีกไปทั่วพื้นที่ในตะวันออกกล
  • Period: 336 BCE to 323 BCE

    สมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช

    สมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great) เริ่มต้นในปี 336 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์ของราชวงศ์มาเซโดเนีย หลังจากการสวรรคตของพระบิดา ฟิลิปป์ที่ 2 และสิ้นสุดในปี 323 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เมื่ออเล็กซานเดอร์เสียชีวิตที่กรุงบาบิโลน (ปัจจุบันอยู่ในอิรัก)
    ในช่วงเวลานี้ อเล็กซานเดอร์ได้ขยายอาณาจักรกรีกไปยังพื้นที่ที่กว้างขวาง โดยการพิชิตอาณาจักรเปอร์เซียและดินแดนที่อยู่ในตะวันออกกลางและเอเชียใต้ รวมถึงพื้นที่ในปัจจุบันของอียิปต์ อิหร่าน อิรัก
  • 312 BCE

    อารยธรรมเปอร์เซีย

    อารยธรรมเปอร์เซีย
    จักรวรรดิโซโลสิด ก่อตั้งโดยเซลูคัสที่ 1 หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิอาคีเมนิด
  • Period: 312 BCE to 63 BCE

    อารยธรรมเปอร์เซีย

    จักรวรรดิโซโลสิด เป็นอาณาจักรที่ก่อตั้งโดยเซลูคัสที่ 1 หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิอาคีเมนิดในปี 330 ปีก่อนคริสต์ศักราช
    การก่อตั้ง: ปี 312 ปีก่อนคริสต์ศักราช: เซลูคัสที่ 1 ซึ่งเป็นหนึ่งในนายพลของอเล็กซานเดอร์มหาราช ก่อตั้งจักรวรรดิโซโลสิดหลังจากการเสียชีวิตของอเล็กซานเดอร์
    การล่มสลาย: ปี 63 ปีก่อนคริสต์ศักราช: จักรวรรดิโซโลสิดเริ่มเสื่อมสภาพจากการเผชิญหน้ากับการรุกรานของชาวโรมัน รัฐของโรมันได้เข้ายึดครองดินแดนของจักรวรรดิโซโลสิด, ซึ่งนำไปสู่การสิ้นสุดของจักรวรรดิโซโลสิด
  • 268 BCE

    อาณาจักรมาเธีย

    อาณาจักรมาเธีย
    อาณาจักรมาเธีย (Maurya Empire) ภายใต้การปกครองของจักรพรรดาอโศก (Ashoka)
  • Period: 268 BCE to 232 BCE

    อาณาจักรมาเธีย

    อาณาจักรมาเธีย (Maurya Empire) ภายใต้การปกครองของจักรพรรดาอโศก (Ashoka) เริ่มในปี 268 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์ และสิ้นสุดการปกครองของเขาในปี 232 ก่อนคริสต์ศักราช (BC).
  • 264 BCE

    สงครามอารยธรรมโรมัน

    สงครามอารยธรรมโรมัน
    สงครามพูนิกครั้งที่หนึ่ง (First Punic War) ระหว่างโรมันและการ์เธจ (Carthage)
  • Period: 264 BCE to 241 BCE

    สงครามอารยธรรมโรมัน

    สงครามพูนิกครั้งที่หนึ่ง (First Punic War) เป็นสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างโรมันและการ์เธจ (Carthage) ซึ่งดำเนินการตั้งแต่ปี 264 ถึง 241 BCE
    264 BCE – การเริ่มต้นของสงคราม: สงครามเริ่มต้นเมื่อโรมันเข้าร่วมการต่อสู้เพื่อควบคุมเกาะซิซิลี ซึ่งเป็นดินแดนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
    241 BCE – สงครามสิ้นสุดลงด้วยการลงนามในสัญญาสันติภาพที่รู้จักกันในชื่อสัญญาสันติภาพของลิลิซา (Treaty of Lutatius) ซึ่งการ์เธจยอมรับการแพ้และต้องยอมแพ้ให้โรมันควบคุมซิซิลีและจ่ายค่าปรับสงครามพูนิกครั้งที่หนึ่ง
  • 221 BCE

    อารยธรรมจีน

    อารยธรรมจีน
    ราชวงศ์ฉิน (221-206 ปีก่อนคริสตกาล): จีนรวมกันเป็นประเทศเดียวครั้งแรกโดยจักรพรรดิฉินฉื่อหวัง ก่อตั้งระบบการปกครองที่เข้มแข็งและสร้างกำแพงเมืองจีนส่วนแรก
  • Period: 221 BCE to 206 BCE

    ราชวงศ์ฉิน

    การรวมประเทศ: ฉินฉื่อหวังประสบความสำเร็จในการรวม 7 รัฐที่แตกต่างกันในยุคสงครามระหว่างรัฐ (Warring States Period) เป็นจักรวรรดิเดียว
    การปกครอง: สถาปนาระบบราชการที่มีการจัดการอย่างเข้มแข็งและเป็นระเบียบ โดยใช้ระบบเขตปกครองที่แบ่งประเทศออกเป็น 36 เขตและมีการจัดการแบบคล้ายกับระบบมณฑล
    การสร้างกำแพงเมืองจีน: สร้างกำแพงเมืองจีนส่วนแรกเพื่อปกป้องอาณาจักรจากการโจมตีของชนเผ่าต่าง ๆ ในภาคเหนือ การก่อสร้างนี้รวมถึงการขยายกำแพงเมืองเก่าที่มีอยู่แล้ว
  • 206 BCE

    อารยธรรมจีน ( ราชวงศ์ฮั่น )

    อารยธรรมจีน ( ราชวงศ์ฮั่น )
    ราชวงศ์ฮั่น : ราชวงศ์ที่สำคัญในประวัติศาสตร์จีน ส่งเสริมการค้าผ่านเส้นทางสายไหมและพัฒนาวิทยาศาสตร์และวรรณกรรม
  • Period: 206 BCE to 220

    อารยธรรมจีน ( ราชวงศ์ฮั่น )

    ราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสตกาล - 220 คริสต์ศักราช) เป็นหนึ่งในยุคทองของประวัติศาสตร์จีน โดยมีความสำคัญดังนี้:
    การค้าเส้นทางสายไหม: ราชวงศ์ฮั่นส่งเสริมการค้าผ่านเส้นทางสายไหมซึ่งเชื่อมจีนกับเอเชียกลางและยุโรป ส่งผลให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและสินค้าระหว่างประเทศการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี: ในยุคนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ เช่น การคิดค้นกระดาษและการพัฒนาวิธีการแพทย์ที่เป็นที่รู้จักในตอนนั้น
  • 64 BCE

    อารยธรรมโรมัน

    อารยธรรมโรมัน
    การเกิดไฟไหม้กรุงโรมครั้งใหญ่ในสมัยของจักรพรรดิเนโร (Nero)
  • 44 BCE

    การสิ้นสุดสาธารณรัฐโรมัน

    การสิ้นสุดสาธารณรัฐโรมัน
    การลอบสังหารจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) และการสิ้นสุดของสาธารณรัฐโรมัน
  • Period: 44 BCE to 27 BCE

    การสิ้นสุดของสาธารณรัฐโรมัน

    การลอบสังหารจูเลียส ซีซาร์ เกิดขึ้นในวันที่ 15 มีนาคม 44 BCE ซึ่งเป็นวันที่รู้จักกันในชื่อ "Ides of March" การลอบสังหารเกิดขึ้นที่สภา (Senate) ในกรุงโรม
    สาเหตุของการลอบสังหาร: จูเลียส ซีซาร์ มีอำนาจสูงสุดในสาธารณรัฐโรมัน ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่สมาชิกวุฒิสภาที่เห็นว่าซีซาร์กำลังพยายามจะกลายเป็นกษัตริย์และทำให้ระบบสาธารณรัฐถูกทำลาย
    ผลกระทบ: การลอบสังหารนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมืองในกรุงโรม การต่อสู้แย่งชิงอำนาจซึ่งในที่สุดนำไปสู่การล่มสลายของสาธารณรัฐโรมันและการก่อตั้งจักรวรรดิ
  • 27 BCE

    สมัยจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire)

    สมัยจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire)
    สมัยจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire) ซึ่งรวมถึงการขยายอาณาจักรและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ
  • Period: 27 BCE to 476

    สมัยจักรวรรดิโรมัน (Roman Empire)

    จักรวรรดิโรมันเริ่มต้นในปี 27 ก่อนคริสต์ศักราช (BC) เมื่อออคตาเวียน (Augustus) ได้รับตำแหน่งอิมพีเรียลและถือเป็นจักรพรรดิองค์แรกของโรมัน และสิ้นสุดในปี 476 คริสต์ศักราช (AD) เมื่อจักรวรรดิโรมันตะวันตกล่มสลาย ในช่วงเวลานั้น โรมันได้ขยายอาณาเขตอย่างกว้างขวางและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเช่นถนน ระบบประปา และสถาปัตยกรรมต่าง ๆ อย่างมีความสำคัญ
  • 224

    อารยธรรมเปอร์เซีย

    อารยธรรมเปอร์เซีย
    จักรวรรดิสสเปเฮนิด (224-651 คริสต์ศักราช) - ก่อตั้งโดยอาร์เดชีร์ที่ 1 หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโซโลสิด
  • Period: 224 to 651

    อารยธรรมเปอร์เซีย

    จักรวรรดิสสเปเฮนิด หรือที่รู้จักในชื่อจักรวรรดิซัสซานิด (Sassanian Empire)
    การก่อตั้ง: ปี 224 คริสต์ศักราช: อาร์เดชีร์ที่ 1 ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิสสเปเฮนิด ขับไล่จักรวรรดิโซโลสิดและก่อตั้งจักรวรรดิใหม่ที่มีศูนย์กลางในเปอร์เซีย โดยเริ่มต้นจากการรวมกลุ่มชนในอาณาจักรปาร์ธี และขยายอาณาเขตของเขาออกไป.
    การล่มสลาย: ปี 651 คริสต์ศักราช จักรวรรดิสสเปเฮนิดล่มสลายจากการรุกรานของชาวอาหรับมุสลิมในช่วงการขยายตัวของอิสลาม. การปกครองของจักรวรรดิซัสซานิดสิ้นสุดลงและดินแดนส่วนใหญ่ถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรอิสลามใหม่
  • 250

    การค้นพบของอารยธรรมมายา

    การค้นพบของอารยธรรมมายา
    การค้นพบของอารยธรรมมายา (ประมาณ 250–900 ค.ศ.)
    ความสำเร็จในด้านดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และสถาปัตยกรรม สร้างเมืองที่มีความสวยงามและซับซ้อน
  • Period: 250 to 900

    อารยธรรมมายา

    อารยธรรมมายา (ประมาณ 250–900 ค.ศ.)
    อารยธรรมมายาเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่สำคัญในอเมริกากลาง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ปัจจุบันคือเม็กซิโกตอนใต้และประเทศกัวเตมาลา อารยธรรมนี้มีความสำเร็จที่น่าทึ่งในหลายด้าน เช่น ดาราศาสตร์ : ชาวมายามีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดวงดาวและวัฏจักรของดวงจันทร์ พวกเขาสามารถคำนวณเวลาและสร้างปฏิทินที่แม่นยำ รวมถึงปฏิทินศักราชที่ประกอบด้วยปฏิทินซึ่งมี 365 วัน
    พวกเขายังสามารถทำนายสุริยุปราคาและจันทรุปราคาได้อย่างแม่นยำ
  • 320

    อารยธรรมอินเดีย ( ราชวงศ์กุปตะ )

    อารยธรรมอินเดีย ( ราชวงศ์กุปตะ )
    ราชวงศ์กุปตะ (Gupta Dynasty)
    ยุคทองของวรรณกรรมและวิทยาศาสตร์ในอินเดีย
    การพัฒนา คณิตศาสตร์ และ ดาราศาสตร์
  • Period: 320 to 550

    อารยธรรมอินเดีย ( ราชวงศ์กุปตะ )

    ราชวงศ์กุปตะ (ประมาณ 320–550 ค.ศ.) ถือเป็นยุคทองของวรรณกรรมและวิทยาศาสตร์ในอินเดีย
    คณิตศาสตร์: คณิตศาสตร์ยุคกุปตะมีการพัฒนาทฤษฎีจำนวน เช่น การใช้เลขศูนย์ (0) และระบบเลขฐานสิบ โดยนักคณิตศาสตร์สำคัญคือ อริยภัทรา (Aryabhata) ซึ่งได้เขียน “อริยภัทตียะ” และเสนอทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับเลขและดาราศาสตร์
    ดาราศาสตร์: อริยภัทราได้พัฒนาทฤษฎีเกี่ยวกับการหมุนของโลกและการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ นอกจากนี้ยังมีการคำนวณดาราศาสตร์และการจัดทำปฏิทินอย่างแม่นยำ.
  • 395

    อารยธรรมโรมัน

    อารยธรรมโรมัน
    การแบ่งจักรวรรดิโรมันเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออก
  • Period: 395 to

    อารยธรรมโรมัน

    การแบ่งจักรวรรดิโรมันเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออกเริ่มต้นในปี 285 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิดิออกลีเชียน การแบ่งแยกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปของดิออกลีเชียน เพื่อให้การบริหารจัดการจักรวรรดีได้ดีขึ้น
    การแบ่งแยกอย่างเป็นทางการได้เกิดขึ้นในปี 395 ปีก่อนคริสต์ศักราช (BCE) หลังจากการเสียชีวิตของจักรพรรดิธีโอดอสีอัสที่ 1 (Theodosius I) ซึ่งทำให้จักรวรรดิถูกแบ่งออกเป็นจักรวรรดิโรมันตะวันตกและจักรวรรดิโรมันตะวันออกอย่างชัดเจนและถาวร.
  • 618

    อารยธรรมจีน ( ราชวงศ์ถัง )

    อารยธรรมจีน ( ราชวงศ์ถัง )
    ราชวงศ์ถัง : ยุคทองของวรรณกรรมและศิลปะจีน การพัฒนาของระบบราชการและการแพร่กระจายของศาสนาพุทธ
  • Period: 618 to 907

    อารยธรรมจีน ( ราชวงศ์ถัง )

    ราชวงศ์ถัง (618-907 คริสต์ศักราช) เป็นยุคทองในประวัติศาสตร์จีนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง:
    1.) การพัฒนาศิลปะและวรรณกรรม: ราชวงศ์ถังเป็นยุคที่ศิลปะและวรรณกรรมเจริญรุ่งเรือง มีนักกวีชื่อดังอย่าง ลี่ไป (Li Bai) และ ดูฟู (Du Fu) ผลงานของพวกเขามีอิทธิพลต่อวรรณกรรมจีนมาจนถึงปัจจุบัน
    2.) การพัฒนาระบบราชการ: การปรับปรุงระบบราชการทำให้มีการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการสร้างระบบการสอบเพื่อรับราชการ ซึ่งช่วยให้การบริหารงานมีความเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น
  • 1000

    อารยธรรมอินเดีย

    อารยธรรมอินเดีย
    การรุกรานของชาวมุสลิม
    การเข้ามาของ จักรวรรดิอาณาจักรเดลี และ จักรวรรดิซิลจุก
  • Period: 1000 to 1526

    อารยธรรมอินเดีย

    ช่วงเวลาการรุกรานของชาวมุสลิมในอินเดียระหว่างประมาณ 1000–1526 ค.ศ. เป็นช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญหลายประการ:
    จักรวรรดิอาณาจักรเดลี (Delhi Sultanate): ก่อตั้งในปี 1206 ค.ศ. โดยกอร์รี (Qutb-ud-din Aibak) หลังจากการรุกรานของชาวมุสลิมจากเปอร์เซียและอัฟกานิสถาน จักรวรรดิเดลีมีอำนาจโดดเด่นในพื้นที่อินเดียเหนือ และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในด้านการปกครองและวัฒนธรรม การปกครองมีการเปลี่ยนแปลงไปตามราชวงศ์ต่างๆ เช่น ราชวงศ์ตุรกี, อัฟกานิสถาน, และมองโกล.
  • อารยธรรม ( ราชวงศ์ชิง )

    อารยธรรม ( ราชวงศ์ชิง )
    ราชวงศ์ชิง : ราชวงศ์สุดท้ายของจีน การขยายอาณาเขตและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองอย่างมาก
  • Period: to

    อารยธรรม ( ราชวงศ์ชิง )

    ราชวงศ์ชิง (1644-1912 คริสต์ศักราช) เป็นราชวงศ์สุดท้ายของจีนที่มีความสำคัญทั้งในด้านการขยายอาณาเขตและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมือง:
    การขยายอาณาเขต: ราชวงศ์ชิงขยายอาณาเขตของจีนให้ครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ รวมถึงการเข้าครอบครองทิเบต มองโกเลียภายใน และซินเจียง
    การเปลี่ยนแปลงทางสังคม: มีการสร้างการปกครองที่เน้นความเป็นเอกภาพและการรักษาความสงบ แต่ก็เกิดความไม่พอใจจากกลุ่มชนและการต่อต้านจากกลุ่มปฏิวัติ
  • สาธารณรัฐจีน

    สาธารณรัฐจีน
    สาธารณรัฐจีน : การสิ้นสุดของราชวงศ์ชิงและการเปลี่ยนแปลงสู่ระบอบสาธารณรัฐ
  • Period: to

    สาธารณรัฐจีน

    สาธารณรัฐจีน (1912-1949 คริสต์ศักราช) เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงจากระบบจักรวรรดิไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ:
    การสิ้นสุดของราชวงศ์ชิง: สาธารณรัฐจีนเริ่มต้นด้วยการล้มล้างราชวงศ์ชิงในปี 1912 ภายใต้การนำของซุน ยัตเซน (Sun Yat-sen) ซึ่งก่อตั้งสาธารณรัฐจีนและเป็นประธานาธิบดีชั่วคราวคนแรก
    การก่อตั้งระบอบสาธารณรัฐ: ระบบการปกครองใหม่ที่มีรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง มีการจัดตั้งสภานิติบัญญัติและการบริหารงานตามหลักการประชาธิปไตย
  • สาธารณรัฐประชาชนจีน

    สาธารณรัฐประชาชนจีน
    สาธารณรัฐประชาชนจีน : การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญในศตวรรษที่ 20 และ 21
  • Period: to

    สาธารณรัฐประชาชนจีน

    สาธารณรัฐประชาชนจีน (1949-ปัจจุบัน) เป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญ
    การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (1949):วันที่ 1 ตุลาคม 1949 พรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของเหมา เจ๋อตง (Mao Zedong) ประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินในกรุงปักกิ่ง
    การเติบโตทางเศรษฐกิจ:การเปิดประเทศนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว การลงทุนจากต่างประเทศ
    การพัฒนาในศตวรรษที่ 21:จีนกลายเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก การพัฒนาทางเทคโนโลยี การขยายอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลก