-
2218 BCE
นิโตคริส
อาจจะเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งอียิปต์โบราณพระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ที่หก ซึ่งคิดว่าพระองค์เป็นพระราชธิดาของฟาโรห์เปปิที่ 2 กับพระมเหสีนีอิท
อ่านเพิ่มเติม:
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA -
1785 BCE
เนเฟรูโซเบค
เป็นฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณพระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ที่สิบสองในช่วงสมัยราชอาณาจักรกลาง
อ่านเพิ่มเติม:
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B9 -
1479 BCE
ฟาโรห์ หญิงฮัตเชปซุต
เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ห้าในราชวงศ์ที่สิบแปดแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นสตรี ฟาโรห์สตรีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของอียิปต์โบราณ ทรงปกครองบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองเป็นระยะเวลายาวนานกว่าฟาโรห์หญิงองค์อื่นใดในประวัติศาสตร์
อ่านเพิ่มเติม:
https://ngthai.com/history/10055/hatshepsut/
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%AE%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%9B%E0%B8%8B%E0%B8%B8%E0%B8%95 -
1334 BCE
เนเฟอร์ติติ
ในตำนานได้กล่าวไว้ว่า อียิปต์ไม่เคยสร้างหญิงใดงามได้เท่าพระนางเนเฟอร์ติติ ซึ่งเป็นผู้สมบูรณ์แบบด้วยพระสิริโฉมอันงดงาม สวมมงกุฎสูง แต่ทว่า เรื่องราวของพระนางกลับถูกทำให้เลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ราวกับเป็นเรื่องเล่าขานที่ไม่เคยปรากฏอยู่จริง...
อ่านเพิ่มเติม: https://mgronline.com/entertainment/detail/9510000044771
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4 -
1191 BCE
ทวอสเรต
เป็นกษัตริย์และฟาโรห์องค์สุดท้ายในราชวงศ์ที่สิบเก้าแห่งอียิปต์ ชื่อของพระองค์ถูกบันทึกในข้อสรุปของแมนิโธว่า ธูโอริส ผู้ที่โฮเมอร์เรียกว่าโพลีบุส สามีของอัลคันดรา และในช่วงเวลาที่ (เมือง) ทรอยถูกยึด กล่าวกันว่า พระองค์ปกครองอียิปต์เป็นเวลา 7 ปี
อ่านเพิ่มเติม:
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%95 -
51 BCE
คลีโอพัตราที่ 7 ฟิโลพาเธอร์
คลีโอพัตราผู้ประสูติเมื่อ 69 ปีก่อนค.ศ. ทรงเป็นพระราชธิดาของอูเลตีส ฟาโรห์ทอเลมีที่ 12 และพระราชมารดาผู้ไม่ทราบพระนาม พระองค์ทรงเป็นรัชทายาทของราชวงศ์โบราณของกรีก ซึ่งยึดครองอียิปต์เมื่อ 305 ปี ก่อน ค.ศ. เป็นพระราชินีแห่งอียิปต์โบราณและเชื้อพระวงศ์พระองค์สุดท้ายของราชวงศ์ทอเลมีแห่งมาซิโดเนีย ดังนั้นจึงเป็นผู้ปกครองอียิปต์ที่มีเชื้อสายกรีกคนสุดท้าย
อ่านเพิ่มเติม:
https://ngthai.com/history/48583/cleopatra-egypt-pharaoh-life-history/ -
Nov 17, 1558
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1
หนึ่งในสตรีที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เธอเรียกตัวเองว่า ‘The Virgin Queen’ เพราะได้เลือกที่จะแต่งงานกับประเทศของเธออย่างอังกฤษแทนที่จะเป็นผู้ชาย และเธอก็ได้ผลักดันประเทศอังกฤษให้เป็นหนึ่งในมหาอำนาจยุโรปที่สำคัญทั้งด้านการเมือง การค้า และศิลปะ -
จักรพรรดินีนาถเยกาเจรีนาที่ 2
“สมเด็จพระจักรพรรดินีนาถแคทเธอรีนที่สองแห่งรัสเซีย (Catherine the Great)” คนนี้คือหนึ่งในผู้หญิงที่โหดเหี้ยมในประวัติศาสตร์ เธอไม่ยอมตกอยู่ในการแต่งงานกับชายที่เธอไม่ได้รัก เธอจึงจัดทำรัฐประหารและปลงพระชนสามีอย่าง Peter III และได้แต่งตั้งตนเองเป็น Empress of the Russian Empire ในปี 1762 เธอทำให้ประเทศรัสเซียมีความทันสมัย ฟื้นฟูให้แข็งแกร่ง จัดตั้งโรงเรียนรัฐขึ้นเป็นแห่งแรกที่สนับสนุนเด็กผู้หญิง รวมถึงการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และศิลปะ
https://www.blockdit.com/posts/610d3ab7d248203268c94c26 -
เจน ออสเตน
เจน ออสเตน เป็นนักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษที่เขียนเรื่องในแนวเหมือนจริง (realism) เป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีผู้อ่านผลงานมากที่สุดคนหนึ่งในบรรดาวรรณกรรมภาษาอังกฤษทั้งหมด เธอเป็นนักอ่านตัวยงและเริ่มเขียนงานตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบปี ในบรรดานวนิยายทั้งหกเรื่องที่เธอเขียนจบ เรื่องที่รู้จักกันมากที่สุดได้แก่ Sense and sensibility (ค.ศ. 1811) , สาวทรงเสน่ห์ (ค.ศ. 1813) และ Emma (ค.ศ. 1816) ตัวออสเตนเองนั้นไม่เคยแต่งงาน เธอตายด้วยโรคฮอร์โมนบกพร่องเมื่ออายุ 41 ปี
https://cont-reading.com/context/jane-austen/ -
โซจอร์เนอร์ ทรูธ
“Truth is powerful and it prevails.”
อีกหนึ่งผู้หญิงผิวสีผู้มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์อเมริกา เธอเป็นทั้งนักกิจกรรม และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีชาวแอฟริกัน-อเมริกัน
เธอยังเป็นเจ้าของผู้กล่าวสุนทรพจน์ที่มีชื่อเสียงในการประชุมสิทธิสตรีที่โอไฮโอในปี 1851 ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีภายใต้ชื่อว่า “Ain’t I a Woman? -
ออกัสตา เอดา คิง เคานต์เตสแห่งเลิฟเลซ
นอกจากเธอจะเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษแล้ว เธอยังถือเป็นนักโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลกอีกด้วย เธอเป็นคนแรกที่เคยตีพิมพ์อัลกอริทึมสำหรับคอมพิวเตอร์
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผลงานของเธอเป็นที่ประจักษ์หลังเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในวัย 36 ปี ผลงานเกี่ยวกับ Babbage’s Analytical Engine ของเธอถูกยอมรับว่าเป็นคำอธิบายแรกเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ -
มารี กูว์รี
นักฟิสิกส์และนักวิทยาศาสตร์ชาวโปแลนด์ ผู้บุกเบิกการศึกษากัมมันตภาพรังสีและได้ค้นพบธาตุใหม่สองชนิดนั่นคือเรเดียมและพอโลเนียม จนพัฒนากลายเป็นเครื่องเอ็กซเรย์พกพาได้
Marie ยังเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบล 2 รางวัลในสองสาขาคือฟิสิกส์ และเคมี และจนถึงทุกวันนี้เธอก็เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลโนเบลใน 2 สาขาทางด้านวิทยาศาสตร์
อ่านเพิ่มเติม:
http://nkc.tint.or.th/nkc54/content-01/nstkc54-034.html -
อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต
นักบินชาวอมริกันที่กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และยังเป็นผู้หญิงคนแรกที่บินเดี่ยวจากฮาวายไปยังสหรัฐอเมริกา Amelia คือนักบินหญิงผู้บุกเบิกอย่างแท้จริง เป็นหนึ่งในนักบินกลุ่มแรก ที่ส่งเสริมการบินพาณิชย์ เขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์การบินของเธอ และมีบทบาทสำคัญในการก่อตั้ง The Ninety-Nines องค์กรสำหรับนักบินหญิง -
เอดิธ โคแวน
ใบหน้าของเธอถูกตีพิมพ์อยู่ในธนบัตร 50 ดอลลาร์ของออสเตรเลีย อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยตั้งชื่อตามเธอในออสเตรเลียตะวันตก เธอคนนี้คือสมาชิกรัฐสภาหญิงคนแรกของออสเตรเลีย และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีตั้งแต่อายุยังน้อย
ในช่วงเวลาที่เธออยู่ในรัฐสภา เธอได้ผลักดันให้มีการออกกฎหมายส่งเสริมผู้หญิงด้านวิชาชีพ สวัสดิการ การอพยพ และการสอนเรื่องเพศศึกษา ทำให้ผู้เป็นแม่มีความเท่าเทียมกับผู้เป็นพ่อ เหล่านี้กลายเป็นมรดกจนถึงปัจจุบัน -
แอนน์ แฟรงค์
แอนน์ แฟรงค์ เป็นเด็กหญิงผู้ใช้สมุดบันทึกเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของเธอระหว่างการซ่อนตัวจากทหารนาซีนานกว่าสองปี ก่อนที่เธอจะถูกพบและจับตัวไปยังค่ายกักกันจนเสียชีวิตลงในที่สุด แต่เรื่องราวของเธอไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เมื่อความคิด ความหวัง และความฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าซึ่งเธอได้ถ่ายทอดไว้ในสมุดบันทึกกลายเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจแก่ผู้คนทั่วโลก สมุดบันทึกของเธอถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือกว่า 70 ภาษาและมียอดขายมากกว่า 30 ล้านเล่มในปัจจุบัน ยังคงมีผู้พยายามต่อสู้เพื่อเก็บรักษาความทรงจำของเธอเรื่อยมา