-
4600 BCE
วิวัฒนาของโลก🌏
อย่างไรก็ตามการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตเป็นล้านๆ ปีอย่างละเอียดเช่นวิวัฒนาการของโลกไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพื่อที่จะทำความเข้าใจได้ดีขึ้น เราลองมาปรับตัวเลขอายุของโลกกันใหม่ สมมุติให้โลกใบนี้เป็นคนหนึ่งคนเล้วเปรียบเทียบง่ายๆ ว่า โลกของเราที่กำเนิดเกิดขึ้นมาแล้วกว่า 4,600 ล้านปีนั้น ก็คือเท่ากับคนอายุ 46 ปี มาดูกันว่าตลอดระยะเวลาที่โลกได้ถือกำเนิดมา ตั้งแต่วัยเด็กจนวัยกลางคนนี้ มีอะไรเกิดขึ้นกับโลกของเราบ้าง และลองมาคาดเดาดูสิว่าในอนาคตโลกของเราจะเป็นอย่างไร -
4600 BCE
อายุของโลก(0)
โลกได้ก่อกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของฝุ่นละออง และโคจรรอบดวงอาทิตย์ อุกกาบาตที่พุ่งเข้าชนในขณะที่โลกมีขนาดประมาณ 80% ของปัจจุบัน ทำให้เศษวัตถุที่หลุดออกมารวมตัวกันเป็นดวงจันทร์ -
Period: 4600 BCE to 4500 BCE
โลกได้ก่อกำเนิดขึ้นจากการรวมตัวของฝุ่นละออง และโคจรรอบดวงอาทิตย์(4600BC-4500BC)อายุของโลก0
-
4500 BCE
อายุของโลก(100)
วัสดุโลหะหนักรวมตัวกันในศูนย์กลางของโลกเกิดเป็นแกนโลก ต่อมาผิวโลกมีการเย็นตัวและแข็งตัวกลายเป็นเปลือกโลก ข้อมูลในช่วงเวลานี้มีน้อยมาก (ยังไม่พบหินในอายุนี้) -
Period: 4500 BCE to 4400 BCE
วัสดุโลหะหนักรวมตัวกันในศูนย์กลางของโลกเกิดเป็นแกนโลก(4500BC-4400BC)อายุของโลก100
-
4400 BCE
อายุของโลก(200)
แร่อายุแก่ที่สุดในโลกคือผลึกแร่ซอร์คอน (zircon) ในประเทศออสเตรเลีย หลักฐานจากแร่นี้บ่งบอกว่ามีมหาสมุทรในช่วงเวลานี้ แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ -
Period: 4400 BCE to 4100 BCE
แร่อายุแก่ที่สุดในโลกคือผลึกแร่ซอร์คอน (zircon) ในประเทศออสเตรเลีย (4400BC-4100BC)อายุของโลก200
-
4100 BCE
อายุของโลก(500)
สิ้นสุดของช่วงเวลา Hadean (ชื่อที่ใช้เรียกช่วงเวลาที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโลก และไม่มีหลักฐานของหินใดๆ) -
Period: 4100 BCE to 4000 BCE
สิ้นสุดของช่วงเวลา Hadean (ชื่อที่ใช้เรียกช่วงเวลาที่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโลก และไม่มีหลักฐานของหินใดๆ)(4100BC-4000BC)อายุของโลก500
-
4000 BCE
ศึกษาเพิ่มเติม(วิวัฒนาการของโลก)🌏
สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากลิ้งค์หรือสแกนQR ได้เลยค่ะ❤️
https://www.geothai.net/earth-evolution/ -
4000 BCE
อายุของโลก(600)
หิน Ancaster Gneiss จากกรีนแลนด์คือหินที่มีอายุแก่ที่สุดในโลก (สี่พันล้านปี) -
Period: 4000 BCE to 3800 BCE
หิน Ancaster Gneiss จากกรีนแลนด์คือหินที่มีอายุแก่ที่สุดในโลก (สี่พันล้านปี)(4000BC-3800BC)อายุของโลก600
-
3800 BCE
อายุของโลก(800)
หิน Akilia Gneiss (3850 ล้านปี) บ่งบอกหลักฐานคาร์บอนของสิ่งมีชีวิต แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ -
Period: 3800 BCE to 3700 BCE
หิน Akilia Gneiss (3850 ล้านปี) บ่งบอกหลักฐานคาร์บอนของสิ่งมีชีวิต แต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่(3800BC-3700BC)อายุของโลก800
-
3700 BCE
อายุของโลก(900)
หมวดหิน Banded Ironstone Formations (BIFs) สันนิษฐานว่าเกิดจากแบคทีเรีย โดยออกซิเจนที่แบคทีเรียสร้างขึ้นทำปฏิกิริยาออกซิเดชันกับเหล็กไอออนในน้ำทะเลและตกตะกอนเป็นชั้นสีแดงของสนิมเหล็กบนพื้นมหาสมุทร เมื่อไม่มีการสร้างออกซิเจนทำให้เกิดการสะสมตัวของหินเชิร์ตสีเทาแทน ซึ่งชั้นหินทั้งสองนี้ก็คือลักษณะของหมวดหิน BIFs นอกจากนี้แล้วหมวดหินนี้ยังบ่งถึงการสังเคราะห์แสงในยุคแรกเมื่อประมาณ 3700 ล้านปีก่อน แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานของซากดึกดำบรรพ์ -
Period: 3700 BCE to 3500 BCE
หมวดหิน Banded Ironstone Formations (BIFs) สันนิษฐานว่าเกิดจากแบคทีเรีย(3700BC-3500BC)อายุของโลก900
-
3500 BCE
อายุของโลก(1100)
หินApex Chert (ตะวันตกของออสเตรเลีย) อายุ 3465 ล้านปี ครั้งหนึ่งเคยเชื่อว่ามีซากดึกดำบรรพ์ที่แก่ที่สุดอยู่ภายในหิน แต่ปัจจุบันยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตามในพื้นที่ Pilbara ทางตะวันตกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย พบหินที่มีองค์ประกอบเป็นซิลิกามากอายุ 3500 ล้านปี มีร่องรอยของรูขนาดเล็กจำนวนมากยาวประมาณ 40 ไมครอน และขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่าเส้นผม แม้ว่าบางรอยอาจเกิดจากกระบวนการอนินทรีย์ แต่ก็มีนักธรณีวิทยาบางคนเชื่อว่าเกิดขึ้นจากแบคทีเรียชนิดกินหิน (rock-eating bacteria) -
Period: 3500 BCE to 3000 BCE
หิน Apex Chert (ตะวันตกของออสเตรเลีย) อายุ 3465 ล้านปี (3500BC-3000BC)อายุของโลก1100
-
3100 BCE
อายุของโลก(1500)
ในบรรยากาศมีออกซิเจนน้อยยูคาริโอต (eukaryote) ซึ่งเป็นเซลล์พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดบนโลก เช่น โปรโตซัว เห็ดรา พืช และสัตว์ทั้งหลายได้ถือกำเนิดขึ้น (เฉพาะแบคทีเรีย และสิ่งมีชีวิตในอาณาจักร Monera เท่านั้นที่ประกอบด้วยเซลล์แบบโปรคาริโอต (prokaryote) ยูคาริโอตใช้ออกซิเจนในกระบวนการ metabolism นอกจากนี้พบว่ากระบวนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศยังถูกวิวัฒนาการขึ้น และซากโปรโตซัวที่พบในหินอายุ 1000 ล้านปี นั้นสามารถบ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของจำนวนและความหลากหลายของยูคาริโอตแรกเริ่มชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี -
Period: 3100 BCE to 3000 BCE
ในบรรยากาศมีออกซิเจนน้อยยูคาริโอต (eukaryote) ซึ่งเป็นเซลล์พื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกือบทุกชนิดบนโลก(3100BC-3000BC)อายุของโลก1500
-
3000 BCE
อายุของโลก(1600)
สโตรมาโทไลต์ (stromatolites) เกิดขึ้นจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวขนาดเล็ก และสังเคราะห์แสงได้ โดยการดึงแร่แคลไซต์จากน้ำทะเลสร้างขึ้นเป็นโดม ปัจจุบันสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินยังคงมีการสร้างโดมสโตรมาโทไลต์ใน Shark Bay ประเทศออสเตรเลีย -
Period: 3000 BCE to 2100 BCE
สโตรมาโทไลต์ (stromatolites) เกิดขึ้นจากสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวขนาดเล็ก(3000BC-2100BC)อายุของโลก1600
-
2500 BCE
อายุของโลก(2100)
ออกซิเจนซึ่งเป็นผลผลิตของเสียจากแบคทีเรียได้กลายเป็นสารพิษสำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ในยุคแรกๆ เริ่มแรกออกซิเจนจะถูกกักเก็บไว้ในหิน เช่น BIFs และหินปูน แต่ต่อมาปริมาณออกซิเจนนั้นมีมากเกินกว่าที่จะกักเก็บไว้ในหินเช่นเดิมจึงได้แพร่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศ หินภาคพื้นทวีปสีแดง (Terrestrial Red Beds) จึงได้กำเนิดขึ้นเมื่อ 2100 ล้านปีก่อน โดยกระบวนการออกซิเดชันของเหล็ก ต่อมาออกซิเจนที่หลงเหลืออยู่ก็สะสมตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ -
Period: 2500 BCE to 2400 BCE
ออกซิเจนซึ่งเป็นผลผลิตของเสียจากแบคทีเรียได้กลายเป็นสารพิษ(2500BC-2400BC)อายุของโลก2100
-
2400 BCE
อายุของโลก(3900)
นักพันธุศาสตร์คาดการณ์ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 1000 ล้านปีก่อน แต่ไม่พบหลักฐานในบันทึกทางธรณีวิทยา การศึกษา Choanoflagellate ซึ่งเป็นโปรติสที่มีส่วนประกอบทางพันธุกรรมแบบเดียวกับที่พบในสัตว์ ทำให้สัญนิษฐานได้ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์น่าจะมีวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ซากดึกดำบรรพ์ร่องรอยที่เก่าแก่ที่สุดพบในออสเตรเลีย และแอฟริกามีอายุ 700 ล้านปีก่อน -
Period: 2400 BCE to 2300 BCE
นักพันธุศาสตร์คาดการณ์ว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรสัตว์ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ 1000 ล้านปีก่อน(2400Bc-2300Bc)
-
-
Period: 2100 BCE to 1500 BCE
ออกซิเจนซึ่งเป็นผลผลิตของเสียจากแบคทีเรียได้กลายเป็นสารพิษสำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ในยุคแรกๆ (2100BC-1500BC)อายุของโลก2500
-
1869 BCE
สาขาเคมี
Dmitri Mendeleev สร้างตารางธาตุที่เป็นระบบแรก -
1801 BCE
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์
เชื่อว่าทุกคน น่าจะได้ยินคำนี้กันเยอะมากแล้ว สำหรับการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ หรือ Scientific Revolution ที่พูดถึงการทลายกำแพงด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์ ที่เกิดขึ้นมากองกันอยู่ในช่วง 1500 – 1600 ที่เราจะพูดถึงตั้งแต่ ความพยายามของกาลิเลโอในการใช้กล้องโทรทรรศน์ค้นหาความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติ ซึ่งมักจะขัดแย้งกับที่สอนไว้ในคัมภีร์ และการปฎิวัติจบลงด้วยทฤษฎีว่าด้วยการเคลื่อนไหวของวัตถุและแรงโน้มถ่วงระหว่างวัตถุของเซอร์ ไอแซคนิวตัน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของวิทยาศาตร์กายภาพ -
Period: 1801 BCE to
จุดเริ่มต้นของกราปฏิวัติวิทยาศาสตร์
จุดเริ่มต้นของการปฎิวัติวิทยาศาสตร์และบุคคลสำคัญ -
1797 BCE
บุคคลสำคัญที่มีผลงานในช่วงนั้น
มีใครบ้างไป? -
Period: 1704 BCE to
การตีพิมพ์ "Opticks"
-
Period: 1687 BCE to
การตีพิมพ์ "Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica"
-
Period: 1661 BCE to
การตีพิมพ์ "The Sceptical Chymist"
-
Period: 1650 BCE to
การตีพิมพ์ "Leviathan"
-
1642 BCE
กาลิเลโอ กาลิเลอี
กาลิเลโอ กาลิเลอี เสียชีวิตหลังจากที่ได้รับการบังคับให้ถอนคำสอนเกี่ยวกับทฤษฎีของโคเปอร์นิกัส จากการคุมขังของศาสนจักร -
Period: 1642 BCE to
การเสียชีวิตของกาลิเลโอ กาลิเลอี
-
Period: 1632 BCE to
การตีพิมพ์ "Dialogue Concerning the Two Chief World Systems"
-
Period: 1628 BCE to
การตีพิมพ์ "De motu cordis"
-
Period: 1620 BCE to
การตีพิมพ์ "Novum Organum"
-
Period: 1610 BCE to
การประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์
-
Period: 1551 BCE to 1553 BCE
การตีพิมพ์ "De humani corporis fabrica"
-
1542
ช่องทางการอ่านเพิ่มเติม
-
1543
นิคโคเลอัส โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus)
ตีพิมพ์ "De Revolutionibus Orbium Coelestium" (1543) ซึ่งเสนอระบบสุริยจักรวาลที่ต่างจากระบบของโตเลมีย์ (Geocentric) -
1551
อังเดรส เวเซลิอุส (Andreas Vesalius)
เผยแพร่การศึกษาโครงสร้างร่างกายมนุษย์ซึ่งเป็นการปฏิวัติการศึกษาเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ -
โจร์ดาโน บรูโน (Giordano Bruno)
ตีพิมพ์แนวคิดเกี่ยวกับจักรวาลที่มีระบบดาวมากมายและทฤษฎีเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของดาว (1600) -
กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
ใช้กล้องโทรทรรศน์สังเกตดาวเคราะห์, ยืนยันหลักการของระบบสุริยจักรวาลของโคเปอร์นิคัส (1610-1632) -
โคเปอร์นิคัส
คริสตอฟอร์ โซอารี และการต่อต้านของคริสตจักรคาทอลิกต่อทฤษฏีของโคเปอร์นิคัส -
ฟรานซิส เบคอน (Francis Bacon)
ฟรานซิส เบคอน (Francis Bacon) นำเสนอวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เน้นการทดลองและการสังเกต เพื่อลดการพึ่งพาความเชื่อเดิมและสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ -
วิลเลียม ฮาร์วีย์ (William Harvey)
วิลเลียม ฮาร์วีย์ (William Harvey) เผยแพร่ทฤษฎีการหมุนเวียนของเลือดในร่างกาย ซึ่งเป็นการปฏิวัติความเข้าใจทางชีววิทยาและการแพทย์ -
กาลิเลโอ กาลิเลอี
กาลิเลโอ กาลิเลอี เผยแพร่หนังสือเปรียบเทียบทฤษฎีของโคเปอร์นิกัสและทฤษฎีของโตลไม (Ptolemaic system) แต่ถูกนำไปสู่การพิจารณาคดีจากศาสนจักร -
เรอเน่ เดการ์ต (René Descartes)
เรอเน่ เดการ์ต (René Descartes) เผยแพร่หนังสือที่เสนอวิธีการทางตรรกะและฟิสิกส์ใหม่ ๆ และการค้นหาความรู้ผ่านการใช้เหตุผลและการสังเกต -
โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes)
โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) เขียนหนังสือเกี่ยวกับทฤษฎีการเมืองที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในการคิดเกี่ยวกับสังคมและมนุษย์ในช่วงยุคปฏิวัติวิทยาศาสตร์ -
โรเบิร์ต บอยล์ (Robert Boyle)
โรเบิร์ต บอยล์ (Robert Boyle) เผยแพร่หนังสือที่เรียกร้องให้ใช้วิธีการทดลองในการศึกษาสมบัติของสารเคมี ซึ่งเป็นพื้นฐานของเคมีสมัยใหม่ -
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton)
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton) เผยแพร่ผลงานที่รวมถึงกฎของการเคลื่อนที่และกฎแรงโน้มถ่วงซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ -
บุคคลที่คิดค้นสาขาเรียนวิทยาศาสตร์
บุคคลที่คิดค้น ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ดาราศาสตร์และเทคโนโลยี จะมีใครกันบ้าง? -
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton)
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton) เผยแพร่หนังสือที่เป็นพื้นฐานของฟิสิกส์คลาสสิก และกฎของการเคลื่อนที่และแรงโน้มถ่วง -
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton)
ตีพิมพ์ "Philosophiæ Naturalis Principia Mathematica" (1687) ซึ่งแสดงหลักการของแรงดึงดูดและกฎการเคลื่อนที่ -
สาขาฟิสิกส์
ไอแซค นิวตันตีพิมพ์ "Philosopiae Naturalis Principia Mathematica" ซึ้งวางรากฐานของฟิสิกส์คลาสสิก -
แอนโทนี แวน เลเวนฮุก (Antoine Lavoisier)
แอนโทนี แวน เลเวนฮุก (Antoine Lavoisier) เริ่มต้นการปฏิวัติทางเคมีด้วยการพัฒนาทฤษฎีการอนุรักษ์มวลและการจำแนกประเภทของธาตุ -
Period: to 1704 BCE
การตีพิมพ์ "Elements of Chemistry"
-
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton)
ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton) เผยแพร่หนังสือที่เกี่ยวกับทฤษฎีแสงและสี ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อการศึกษาด้านแสงและการมองเห็น -
การปฏิวัติวิทยาศาสตร์(เพิ่มเติม)
ศึกษาเพิ่มเกี่ยวกับการปฏิวัติวิทยาศาสตร์
https://youtu.be/HJZC6sFYJ9M -
วัคซีนที่ถูกคิดค้นและพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน
วัคซีนเริ่มมีการพัฒนาในราวคริสต์ทศวรรษ 1770 โดยเอดเวิร์ด เจนเนอร์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ประสบความสำเร็จในการสกัดเชื้อ cowpox เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ (small pox) ในมนุษย์ได้
วัคซีนในระยะเริ่มแรกเป็นการนำเชื้อมาทำให้ตายหรือการใช้เชื้อที่อ่อนฤทธิ์เท่านั้น จนกระทั่งปัจจุบันมีการพัฒนาโดยนำเทคโนโลยีรีคอมบีแนนต์มาช่วยในการพัฒนาโดยอาศัยความรู้ทางชีววิทยาระดับโมเลกุล และมีความพยายามพัฒนาวัคซีนโดยการสังเคราะห์แอนติเจนในการผลิตซับยูนิตวัคซีน (subunit vaccine) อีกด้วย -
วัคซีนโรคฝีดาษ
: Edward Jenner เป็นผู้คิดค้นวัคซีนแรกสำหรับโรคฝีดาษ (smallpox) โดยการใช้วัคซีนจากฝีดาษวัว (cowpox) เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ ซึ่งเป็นวิธีการที่เริ่มต้นของการฉีดวัคซีนในยุคปัจจุบัน -
-
Period: to
Edward Jenner (1749-1823)
-
สาขาชีววิทยา
Charles Darwin เผยแพร่ "On the Origin of Species" ซึ่งแนะนำทฤษฎีวิวัฒนาการโดยการคัดเลือกโดยธรรมชาติ -
สาขาชีววิทยา
Friedrich Miescher ค้นพบดีเอ็นเอ -
ศึกษาเพิ่มเติมหัวข้อโรคพิษสุนัขบ้า
-
โรคพิษสุนัขบ้า
ปี 1885: Louis Pasteur พัฒนาวัคซีนสำหรับโรคพิษสุนัขบ้า (rabies) วัคซีนนี้เป็นหนึ่งในวัคซีนที่สำคัญสำหรับโรคที่มีความรุนแรงมากและยังช่วยทำให้การศึกษาเกี่ยวกับวัคซีนและจุลชีพมีความก้าวหน้า -
Period: to
Louis Pasteur (1822-1895)
-
สาขาฟิสิกส์
Albert Einstein เผยแพร่ทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ -
สาขาโลกศาสตร์
: Alfred Wegener เสนอทฤษฎีการเคลื่อนที่ของทวีป (Continental Drift) -
สาขาเคมี
Niels Bohr พัฒนาโมเดลอะตอมที่สอดคล้องกับข้อมูลจากการทดลอง -
สาขาฟิกสิกส์
Albert Einstein นำเสนอทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป -
สาขาฟิกสิกส์
การค้นพบของ Niels Bohr เกี่ยวกับโมเดลอะตอม -
วัคซีนวัณโรค (tuberculosis)
ปี 1921: Albert Calmette และ Camille Guérin พัฒนาวัคซีน BCG (Bacillus Calmette-Guérin) สำหรับป้องกันวัณโรค (tuberculosis) ซึ่งเป็นวัคซีนที่ใช้ในหลายประเทศเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคนี้ -
-
Period: to
Albert Calmette (1863-1933) และ Camille Guérin (1872-1961)
-
สาขาคอมพิวเตอร์วิทยาศาสตร์
Alan Turing เสนอแนวคิดของเครื่องทัวริงซึ่งเป็นพื้นฐานของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ -
สาขาคอมพิวเตอร์วิทยาศาสตร์
การสร้างคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรก ENIAC (Electronic Numerical Integrator and Computer) -
วัคซีนสำหรับหัด (measles), คางทูม (mumps), ไข้หวัดใหญ่ (influenza), และโรคไวรัสตับอักเสบ B (hepatitis B)
ช่วงปี 1950s-1980s: Maurice Hilleman เป็นผู้พัฒนาวัคซีนที่สำคัญหลายชนิด รวมถึงวัคซีนสำหรับหัด (measles), คางทูม (mumps), ไข้หวัดใหญ่ (influenza), และโรคไวรัสตับอักเสบ B (hepatitis B) นอกจากนี้ยังมีผลงานในวัคซีนอื่น ๆ ที่ช่วยลดการระบาดของโรคในทั่วโลก -
ศึกษาเพิ่มเติมหัวข้อวัคซีนสำหรับหัด (measles), คางทูม (mumps), ไข้หวัดใหญ่ (influenza), และโรคไวรัสตับอักเสบ B (hepatitis B)
-
Period: to
. Maurice Hilleman (1919-2005)
-
สาขาชีววิทยา
James Watson และ Francis Crick เสนอโมเดลโครงสร้างดีเอ็นเอเป็นดับเบิลเฮลิกซ์ -
สาขาเคมี
Rosalind Franklin และ Maurice Wilkins ถ่ายภาพโครงสร้างดีเอ็นเอด้วยวิธี X-ray diffraction -
โรคโปลิโอ
ปี 1955: Jonas Salk พัฒนาวัคซีนสำหรับโรคโปลิโอ (polio) ซึ่งเป็นวัคซีนที่ช่วยลดการระบาดของโรคนี้อย่างมาก วัคซีนของ Salk ใช้ไวรัสที่ตายแล้ว (inactivated virus) เพื่อกระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน -
ศึกษาเพิ่มเติมหัวข้อวัคซีนโรคโปลิโอ (polio)
-
Period: to
Jonas Salk (1914-1995)
-
สาขาอวกาศ
การปล่อยดาวเทียม Sputnik 1 โดย Soviet Union -
สาขาโลกศาสตร์
การพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับแผ่นเปลือกโลก (Plate Tectonics) โดย Harry Hess และ Robert Dietz -
สาขาฟิกสิกส์
การค้นพบรังสีไมโครเวฟพื้นหลังจักรวาลโดย Arno Penzias และ Robert Wilson -
-
สาขาอวกาศ
Neil Armstrong และ Buzz Aldrin ลงเหยียบดวงจันทร์ในการเดินทาง Apollo 11 -
สาขาคอมพิวเตอร์วิทยาศาสตร์
การพัฒนาภาษาโปรแกรมระดับสูงเช่น C และ Pascal -
สาขาโลกศาสตร์
การค้นพบหลักฐานการชนกันของอุกกาบาตที่เชื่อมโยงกับการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์โดย Luis Alvarez และ Walter Alvarez -
-
สาขาคอมพิวเตอร์วิทยาศาสตร์
การเปิดตัวเว็บเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) โดย Tim Berners-Lee -
สาขาอวกาศ
การปล่อยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) -
-
-
สาขาเคมี
การค้นพบโครงสร้างของ Fullerenes (C60) โดย Harry Kroto, Robert Curl, และ Richard Smalley -
สาขาชีววิทยา
การประกาศการถอดรหัสจีโนมมนุษย์ (Human Genome Project) เสร็จสิ้น -
ศึกษาเพิ่มเติมหัวข้อชีววิทยา
-
-
สาขาอวกาศ
NASA ประกาศการค้นพบดาวเคราะห์ที่มีลักษณะคล้ายโลกในระบบดาว Trappist-1 -
-
Period: to
Katalin Karikó (1955-) และ Drew Weissman (1959-)
-
วัคซีน COVID-19
ปี 2020: Katalin Karikó และ Drew Weissman พัฒนาพื้นฐานของเทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในวัคซีน COVID-19 ของ Pfizer-BioNTech และ Moderna เทคโนโลยี mRNA เป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในการพัฒนาวัคซีน -